Saturday, December 13, 2025

ทหาร ฉก.ลาดหญ้า กกล.สุรสีห์ สกัดจับรถตู้หรูคาด่าน ดัดแปลงรถซุกยาเค มูลค่ากว่า 36 ล้านบาท

เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2568  พลตรี ณัฏฐพงศ์ อัศวินวงศ์ ผู้บัญชาการกองพลหารราบที่ 9 ในฐานะ ผู้บัญชาการกองกำลังสุรสีห์ บูรณาการร่วมกับ นางสาววริษฐา สงวนเสริมศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี เปิดเผยว่า ได้รับแจ้งจากแหล่งข่าวในพื้นที่ ว่าจะมีการลักลอบขนยาเสพติดจำนวนมาก จากบริเวณชายแดน จ.กาญจนบุรี เข้ามายังพื้นที่ตอนใน
จึงสั่งการให้ พันเอก พรรณศักย์  เพรียวพานิช ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 29 ในฐานะ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจลาดหญ้า กองกำลังสุรสีห์ พร้อมด้วย พันเอก ปิยะเณศร์  ภัทรศาศวัตวงษ์ รองผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจลาดหญ้า และ พันตำรวจเอก ปริญญา  ใคร่ครวญ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรทองผาภูมิ จัดกำลังพลร่วมกับ กองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 135, ฝ่ายปกครองอำเภอทองผาภูมิ และ สถานีตำรวจภูธรทองผาภูมิ ทำการตั้งจุดตรวจจุดสกัด ร่วมกับหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ บริเวณ จุดตรวจร่วมสามแยกทองผาภูมิ ม.1 ต.ท่าขนุน อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี
ต่อมาเวลา 21.00 น. เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงประจำจุดตรวจร่วมสามแยกทองผาภูมิ พบรถยนต์ ยี่ห้อ Toyota Alphad สีขาว หมายเลขทะเบียน 5ขว 2931 กรุงเทพมหานคร ลักษณะตรงตามที่ได้รับแจ้งจากแหล่งข่าว ขับมาจาก อ.สังขละบุรี มุ่งหน้า อ.เมืองกาญจนบุรี จึงให้สัญญาณหยุดรถเพื่อตรวจสอบ พบ นายเมธี สุกะรินทร์ อายุ 39 ปี เป็นผู้ขับขี่ ซึ่งขณะที่เจ้าหน้าที่พูดคุยสอบถาม นายเมธีฯ แสดงอาการพิรุธชัดเจน จึงขออนุญาตทำการตรวจค้น พบว่ารถตู้คันดังกล่าวถูกดัดแปลงตัวถังและคอนโซลภายในห้องโดยสาร เพื่อซุกซ่อนยาเสพติด จากการตรวจค้นอย่างละเอียด เจ้าหน้าที่พบของกลางยาเสพติด เคตามีน จำนวน 182 กิโลกรัม มูลค่า 36,400,000 บาท ถูกซุกซ่อนไว้ภายในรถตู้
   สำหรับพฤติการณ์ของนายเมธีฯ ผู้ต้องหา ได้ให้การว่า ตนได้รับการว่าจ้างจาก นางดาฯ (ไม่ทราบชื่เสกุล) ด้วยเงินจำนวน 5,000 บาท ให้ขับรถตู้คันดังกล่าวจาก บ้านบ่อญี่ปุ่น อ.สังขละบุรี ไปยัง อ.เมืองกาญจนบุรี และหลังจากนั้นจะมีบุคคลไม่ทราบชื่อมารับรถตู้คันดังกล่าว แต่ถูกเจ้าหน้าที่จับกุมได้เสียก่อน
   ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้นำตัว นายเมธีฯ พร้อมของกลางยาเสพติดและรถยนต์ที่ใช้ก่อเหตุ ส่ง สภ.ทองผาภูมิ เพื่อดำเนินการตามกฎหมายและขยายผลการจับกุมต่อไป
#/// กัมพล ทันเวลา / ทีมข่าวภาคตะวันตก

เพชรบุรี ชาวประมงวอนขอความช่วยเหลือ เรือประมงล่มกลางทะเล5วัน ลูกเรือรอด3 ยังสูญหายอีก2รายในทะเล

วันนี้ 13 ธ.ค.68 ศูนย์รับแจ้งเหตุ 191เพชรบุรี  ได้รับแจ้งจาก นางอารีย์ ลิขิตานันททพงศ์ อายุ63ปี ชาวจังหวัดสมุทรสงคราม เจ้าของเรือประมงชื่อพรสมคิดว่า  เรือประมงพรสมคิดขนาด17.61ตันกรอส  เครื่องมืออวนลากแผ่นตะเฆ่ ขอตนได้แจ้งออกจากทะเล PIPOปราณบุรี วันที่ 8ธ.ค. จากนั้นไม่สามารถติดต่อเรือประมงของตนได้ ตั้งแต่เวลา00.17 น. ของวันที่ 9ธ.ค. บริเวณพิกัด แลต12องศา19.500เหนือ ลอง 100 20.500ตะวันออก  ห่างจากท่าเรือคลองวาฬประมาณ 49 ไมล์ ก่อนประสาน ศร.ชล. และตำรวจน้ำปราณบุรีให้เข้าช่วยเหลือแต่ยังไม่มีหน่วยงานไหนเข้ามาช่วยเหลือ   
ต่อมาได้รับแจ้งจากเรือประมงในพื้นที่ว่าพบเรือเรือประมงพรสมคิดล่มในทะเลห่างจากฝั่งประมาณ 29ไมล์ทะเล โดยมีเรือประมงสามารถช่วยลูกเรือที่ลอยคอในทะเลได้3คน แต่ไม่พบตัว นายเกรียงไกร ขำบางพูล อายุ56ปีไต๋เรือและนายบี ลูกเรือชาวพม่ายังสูญหายอยู่ในทะเล 
ก่อนนางอารีย์ อายุ63 เจ้าของเรือได้ประสานเรือประมงมาทำการลากเรือที่ล่มเข้าฝั่งในพื้นที่ชะอำ แต่ไม่สามารถลากเข้าฝั่งได้เนื่องจากติดแนวอวนหอยของชาวประมงรายอื่น เพราะหากลากไปชนกับอวนหอยของชาวประมงรายอื่นจะทำให้เสียหายนับล้านบาท จึงทำการเรือเข้ามาแล้วห่างจากฝั่งประมาณ 20ไมล์ทะเลบริเวณหน้าหาดชะอำ สภาพเรือมีอวนพันอยู่ทั่วเรือ จมใต้น้ำลึกประมาณ 20-25เมตร  ตอนนี้จึงอยากได้หน่วยงานเข้าช่วยเหลือ และเจ้าหน้าที่กองร้อยกู้ชีพ ค่ายนเรศวร มาช่วยค้นหาไต๋เรือและลุกเรืออีก2คนที่ยังคงสูญหายในทะแลหรือดำลงไค้นหาไต๋กับลูกเรือที่คาดว่าจะติดอยู่ภายในหัวเก๋งเรือจมไปกับเรือ 
//////บรรณรต จ.เพชรบุรี

พิษณุโลก ยึดไม้เถื่อน 43 ท่อน ไม้ธรรมชาติขึ้นเองอยู่ในแปลงที่ดินโครง คทช. ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ-ป่าสวนเมี่ยง

ที่อนุญาตให้ราษฎรทำกิน พบรอบรถตีนตะขาบดันโค่นต้นไม้  28 ต้น แต่ไม่พบบุคคลใดในที่เกิดเหตุ  หัวหน้าชุดจับกุม ลั่น ! ตรวจสอบ หาผู้กระทำผิดได้ ว่า  ใครเป็นเจ้าของที่ดิน ก่อนส่งไปยังพงส.สภ.ชาติตระการ
วันนี้ ( 13 ธ.ค.68) นายธีรพล  กาญจนโกมล  หัวหน้าชุดปฏิบัติการพิเศษป่าไม้ สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 4 สาขาพิษณุโลก สั่งการให้รถจอหนังพร้อมรถบรรทุกไม้ชักลากไม้ขององค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ (ออป.)ไปยังบ้านหนองขาหย่าง หมู่ที่ 2 ตำบลสวนเมี่ยง อำเภอชาติตระการ  หลังจากเย็นวานนี้ ( 12 ธ.ค.68) กรมไม้ โดยชุดปฎิบัติการพิเศษ และ หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ พล.4 (ป่าแดง-แก่งบัวคำ), ชุดปฏิบัติการพิเศษป่าไม้พิษณุโลก 1  กรมอุทยานฯ, หน่วยปฏิบัติการพิเศษที่ 3 (ตาก) สปป.3 (ภาคเหนือ)  ตำรวจป่าไม้ กก.4 บก.ปทส.  ตำรวจตชด. 315  ตรวจยึดไม้จำนวนมากและแผ้วถางผืนป่า โดยลักลอบใช้รถแบ็คโฮผลักดัน ขุดโค่นต้นไม้ให้โค่นล้ม โดยมิชอบด้วยกฎหมาย ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าสวนเมี่ยง
กำลังป่าไม้ รุดตรวจบริเวณพื้นที่ดังกล่าว พบต้นไม้โค่นล้มกระจัดกระจายไปทั่ว  เปลือกลำต้น เจอแรงกระแทกจากเครื่องจักรขนาดใหญ่ ล้มทั้งราก ยังไม่มีการตัดทอนเป็นท่อนๆ มีการริด ตัดแต่งกิ่ง และมีการสุมเผา เศษไม้ ปลายไม้ บริเวณพื้นดินมีร่องรอยของการขับเคลื่อนตีนตะขาบของรถแบ็คโฮ คาดว่า 1 สัปดาห์ผ่านมา เนื่องจากใบไม้เริ่มเหี่ยวแห้ง ตรวจสอบไม้ ไม่พบรูปรอยดวงตราจำนวน 28 ต้น แต่ไม่พบบุคคลใดเป็นผู้ครอบครอง/เจ้าของที่ดินในที่เกิดเหตุ  ยืนยันอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าสวนเมี่ยง   นับจำนวนไม้กระยาเลย จำนวน 43 ท่อน คิดเป็นปริมาตร 27.953 ลูกบาศก์เมตร
พบไม้เติบโตตามธรรมชาติ ชนิดเต็ง, ไม้พลวง, ไม้รกฟ้า, ไม้แคทราย, ไม้กระพี้, ไม้สมอพิเภก,สะแกแสง ,ไม้หว้า, ไม้ตะแบก ไม่ใช่ไม้ ที่ประชาชนนิยมปลูก  ตรวจภาพถ่ายทางอากาศ ปี 2535 ยังคงสภาพป่าที่สมบูรณ์ 
เจ้าหน้าที่ป่าไม้จึง แจ้งข้อหา ตามพรบ.ป่าไม้  2484   มาตรา 11  ฐาน “ทำไม้ ไม้หวงห้าม โดยไม่ได้รับอนุญาต   มาตรา 69 วรรคสอง “มีไว้ในครอบครองซึ่งไม้หวงห้ามอันยังมิได้แปรรูป โดยไม่มีรอยตรา  พรบ.ป่าสงวนแห่งชาติ 2507  มาตรา 14 ฐาน ทำไม้ เป็นการเสื่อมเสีย แก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติ โดยไม่ได้รับอนุญาต  มาตรา 26/4 ฐาน “ผู้ใดทำลายทรัพยากรธรรมชาติในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ผู้นั้นต้องรับผิดชดใช้ 
  ส่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรชาติตระการ เพื่อดำเนินการสืบสวนสอบสวนหาตัวผู้กระทำผิดรายนี้มาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป 
นายธีรพล  กาญจนโกมล  หัวหน้าชุดฯ สปจ.4 สาขาพิษณุโลก เผยว่า การจับไม้เถื่อนครั้งนี้ ผู้กระทำผิดต้องการไม้ และต้องการเปิดพื้นที่ให้โล่ง แปลงที่ดินไม่ได้อยู่ในเขต สปก.4-01 แต่อยู่ในแปลงที่ดินโครง คทช.  ซึ่งกรมป่าไม้ผ่อนปรนให้ราษฎรทำกิน  แต่กลับทำผิดกฎหมาย กำลังตรวจสอบแปลงที่ดินดังกล่าว เพื่อรอยืนยันว่า ใครคือ เป็นเจ้าของที่ดิน และส่งข้อมูลไปยังพนักงานสอบสอบ สภ.ชาติตระการเอาผิด ตามพรบ.ป่าไม้ เนื่องจากหลักเกณฑ์เงื่อนไข แปลงที่ดิน คทช.  สามารถทำไม้ได้ แต่ต้องขออนุญาตทำไม้ตาม ม.11  และต้องเป็นไม้ที่ปลูกขึ้นโดยมนุษย์ ไม่ใช่ไม้ธรรมชาติลักษณะเช่นนี้  
//ป๊อกกองปราบ ภาพ-ข่าว//

“นิพนธ์” เผย บอร์ด รฟม. ไฟเขียวโครงการโมโนเรลหาดใหญ่ เดินหน้าศึกษาต่อระยะ 2 เชื่อมสนามบิน

13 ธันวาคม 2568 นายนิพนธ์ บุญญามณี อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย และประธานคณะทำงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยความคืบหน้าโครงการพัฒนาระบบรถไฟฟ้า Monorail หาดใหญ่ ว่า ที่ประชุมคณะกรรมการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) มีมติเห็นชอบให้รับโอนและดำเนินโครงการโมโนเรลหาดใหญ่ ตามที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา (อบจ.สงขลา) เสนออย่างเป็นทางการภายใต้นโยบายที่นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม มอบหมายให้ รฟม. พิจารณารับโครงการไปดำเนินการก่อสร้าง
นายนิพนธ์ กล่าวว่า เมื่อครั้งที่ตนดำรงตำแหน่งนายก อบจ.สงขลา ได้ดำเนินการศึกษา ออกแบบ จัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) และกำหนดแนวเส้นทางโมโนเรลระยะแรก บริเวณ คลองหวะ–สถานีรถตู้หาดใหญ่ เสร็จสมบูรณ์แล้ว และผ่านกระบวนการศึกษาด้านสิ่งแวดล้อมตามขั้นตอน แต่โครงการยังไม่สามารถเดินหน้าก่อสร้างได้ เนื่องจากข้อจำกัดด้านงบประมาณขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ตามที่สำนักงบประมาณได้ชี้แจงไว้ ทั้งนี้ สำนักงบประมาณได้มีข้อเสนอแนะเป็นลายลักษณ์อักษรว่า หาก อบจ.สงขลา ประสงค์จะผลักดันโครงการดังกล่าวต่อ ให้หารือไปยัง การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักด้านระบบขนส่งมวลชนของประเทศ เพื่อรับไปดำเนินการแทน
“ในฐานะประธานคณะทำงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ผมได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ รฟม. และ อบจ.สงขลา เข้าร่วมประชุม เพื่อให้ข้อมูล ข้อเท็จจริง และพิจารณาแนวทางการขับเคลื่อนโครงการอย่างรอบด้าน ซึ่งที่ประชุมมีข้อเสนอให้ รฟม. รับโครงการโมโนเรลหาดใหญ่ไปดำเนินการต่ออย่างเป็นทางการ”    นายนิพนธ์กล่าว
ล่าสุด เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2568 คณะกรรมการ รฟม. มีมติเห็นชอบให้เดินหน้าโครงการดังกล่าว พร้อมกันนี้ รฟม. ยังเห็นชอบให้ศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการระยะที่ 2 เพื่อขยายเส้นทางจากสถานีรถตู้เชื่อมต่อไปยังสนามบินนานาชาติหาดใหญ่ ซึ่งจะเป็นระบบขนส่งมวลชนขนาดใหญ่แห่งแรกของภูมิภาคภาคใต้
     นอกจากนี้ รฟม. อยู่ระหว่างดำเนินการ เปิดรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ต่อร่างพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) ว่าด้วยการให้อำนาจ รฟม. ดำเนินการระบบรถไฟฟ้าในพื้นที่จังหวัดสงขลา (โครงการโมโนเรลหาดใหญ่) เพื่อให้การดำเนินโครงการเป็นไปอย่างรอบคอบ โปร่งใส และสอดคล้องกับความต้องการของประชาชนในพื้นที่
นายนิพนธ์ ย้ำว่า โครงการโมโนเรลหาดใหญ่ถือเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ ที่จะช่วยแก้ไขปัญหาการจราจร เพิ่มประสิทธิภาพการเดินทาง ยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน และเสริมศักยภาพทางเศรษฐกิจของเมืองหาดใหญ่ พร้อมวางรากฐานสู่การพัฒนาเป็นศูนย์กลางคมนาคมของภาคใต้ในอนาคต โดยในระยะต่อไป รฟม. จะดำเนินการในส่วนของการเพิ่มอำนาจหน้าที่ในพื้นที่หาดใหญ่ และวางแผนการพัฒนาโครงการอย่างเป็นระบบต่อไป

สว.หนุน ประชุม ครม.สัญจรหาดใหญ่ เปิดเมืองรับปีใหม่ เรียกความมั่นใจภาคเอกชน-นักท่องเที่ยว

สงขลาเดินตามแผนฟื้นฟูหาดใหญ่ต่อเนื่อง ขนย้ายขยะ 1 แสนตัน พื้นที่การเกษตร พินาศ 52,000 ไร่
      นายไชยยงค์ มณีรุ่งสกุล สมาชิกวุฒิสภาสายสื่อมวชนกล่าวว่า จากการที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรียุบสภา มีประชาชนหาดใหญ่จำนวนหนึ่ง มีความวิตกกังวลอย่างมากว่า จะทำให้แผนการฟื้นฟูหาดใหญ่หยุดชะงักหรือล่าช้า ทำให้เกิดผลเสียกับเมืองหาดใหญ่ จะทำให้เมืองหาดใหญ่เป็นเมืองร้าง เนื่องจากปริมาณขยะมูลฝอยยังมีอีกเกือบ 1 แสนตันที่ยังกองอยู่ข้างถนน และกรมอุตุฯประกาศว่าจะมัฝนตกหนักถึงหนักมากใน 8 จังหวัดภาคใต้จะซ้ำเติมเมืองหาดใหญ่เข้าสู่”วิกฤต”
"ผมสนับสนุนให้มีการประชุม ครม.สัญจรที่ อ.หาดใหญ่ วันที่ 23 ธ.ค. เพื่อให้ภาคเอกชนเกิดความเชื่อมั่นว่ามาตรการที่ได้ยื่นใหรัฐบาลไปรัฐบาลตอยสนอง มาตรการช่วยเหลือภาคเอกชน อาทิ ซอฟโรล ยกเว้นภาษีที่ดินและโรงเรือน อ.หาดใหญ่ และแผนฟื้นฟูเมือง เปิดเมืองหาดใหญ่ได้ทันช่วงเทศกาลปีใหม่ ยิ่งช้าออกไปผลเสียจะเกิดแก่เมืองหาดใหญ่ ขณะนี้มีนักธุรกิจจำนวนหนึ่งเตรียมปิดกิจการถาวร หันซ้ายมองขวาภาครัฐไม่ได้ช่วยอะไร และอีกส่วนหนึ่งเตรียมหนีออกจากเมืองหาดใหญ่ถาวร"
นายไชยยงค์กล่าวว่าขณะนี้สื่อมาเลเซียตีข่าวว่าเพื่อความปลอดภัย รัฐบาลให้คนมาเลเซียเดินทางไปเที่ยวเกาะลังกาวีแทนเที่ยวหาดใหญ่
รายงานว่า  วันที่ 12 ธ.ค.68 มีการประชุมกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.สงขลา มีนายรัฐศาสตร์ ชิดชู ผู้ว่าราชการ จ.สงขลา ประธานที่ประชุมสรุปผลเสียหายจากอุทกภัยใน จ.สงขลา ครอบคลุม 16 อำเภอ 127 ตำบล 997 หมู่บ้าน  592,707 ครัวเรือน และประชาชนได้รับผลกระทบ 1,422,410 คน มีผู้เสียชีวิต 145 ราย บาดเจ็บ 4 ราย และมีผู้ต้องอพยพ 49,956 คน 
อำเภอที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุด คือ อ.หาดใหญ่ ซึ่งมีผู้ประสบภัยมากกว่า 406,000 คน และต้องอพยพกว่า 19,529 คน  รองลงมาคือพื้นที่ อ.เมืองสงขลา สิงหนคร ระโนด และรัตภูมิ
การฟื้นฟูพื้นที่ อ.หาดใหญ่ทำตามแผนต่อเนื่อง  มีการระดมกำลังดำเนินการ Big Cleaning แบ่งออกเป็น 4 โซน มีทั้งกองบัญชาการกองทัพไทย กองทัพบก กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงคมนาคม รวมกำลังพลกว่า 2,196 นาย และเครื่องจักร 542 รายการ ทำความสะอาดถนนมากกว่า 329 กม. และขนย้ายขยะกว่า 95,307 ตัน 
รายงานว่า  คปภ.สำรวจความเสียหายมากกว่า 12,000 คัน  บ้านเรือน–ธุรกิจจำนวนมากอยู่ระหว่างการตรวจประเมิน  จะเร่งเยียวยาให้เร็วที่สุด 
รายงานว่าบ้านเรือนเสียหายทั้งหลัง 20 หลัง และเสียหายบางส่วน 278 หลัง โรงเรียนได้รับผลกระทบ 128 แห่ง วัด–มัสยิด 94 แห่ง ถนน 674 สาย สะพาน 76 แห่ง พื้นที่การเกษตรเสียหายรวมกว่า 52,000 ไร่ บ่อปลาและปศุสัตว์จำนวนมาก
รายงานว่ามีผู้ยื่นคำร้องขอเยียวยา 713,656 ครัวเรือน ผ่านการพิจารณา 507,283 ครัวเรือน และดำเนินการโอนเงินช่วยเหลือแล้วกว่า 400,855 ครัวเรือน รวมเป็นเงิน 3,607,695,000 บาท

อพท.สุโขทัย เชิญชวนคณะผู้แทนจากมณฑลส่านซี ซื้อผลิตภัณฑ์ชุมชน ภายในงานย้อนอดีตศรีสัชนาลัย “นุ่งผ้าไทย ใส่เงินทองลายโบราณ สืบสานวัฒนธรรมอันล้ำค่า ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๘

วันอังคารที่ ๙ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๘ เวลา ๑๕.๐๐ น. พันเอก นาวิน ปรีชาพณิชยกุล ผจก.อพท.สุโขทัยนายสิทธิพันธ์ แสงสุวรรณ ปฏิบัติหน้าที่ ผู้อำนวยการฝ่ายปฏฺิบัติการ อพท.สุโขทัย และเจ้าหน้าที่ อพท.สุโขทัย  เชิญชวนคณะผู้แทนจากมณฑลส่านซี ซื้อผลิตภัณฑ์ชุมชน ภายในงานย้อนอดีตศรีสัชนาลัย “นุ่งผ้าไทย ใส่เงินทองลายโบราณ สืบสานวัฒนธรรม อันล้ำค่า ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๘ 
โดยมี นายหยุนเฟิง ฉาง (Mr. Yunfeng Chang) กรรมการสมาคมมิตรภาพวิเทศสัมพันธ์แห่งมณฑลส่านซี พร้อมคณะฯ ณ อุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย

สิงห์บุรี / โรงเรียนวัดข่อยร่วมแสดงความยินดี “น้องวุฒิพร” คว้ารองชนะเลิศอันดับ 2 เปตองหญิงเดี่ยว ระดับภาคกลาง

โรงเรียนวัดข่อย อำเภอเมืองสิงห์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี ขอแสดงความยินดีกับ เด็กหญิงวุฒิพร บุตรแสงดี นักเรียนผู้สร้างชื่อเสียงให้กับสถานศึกษา จากการคว้ารางวัล รองชนะเลิศอันดับที่ 2 ในการแข่งขัน กีฬาเปตองหญิงเดี่ยว ระดับภาคกลาง
การแข่งขันจัดขึ้น ณ สนามกีฬาเปตอง มหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ วิทยาเขตอ่างทอง โดยมีนักกีฬาจากหลายจังหวัดเข้าร่วมประชันฝีมืออย่างคับคั่ง ซึ่งน้องวุฒิพรสามารถแสดงศักยภาพ ความมุ่งมั่น และทักษะด้านกีฬาได้อย่างโดดเด่น จนสร้างผลงานเป็นที่ภาคภูมิใจแก่ครอบครัว โรงเรียน และชุมชน
ความสำเร็จครั้งนี้เกิดขึ้นจากการทุ่มเทฝึกซ้อมอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการสนับสนุนอย่างใกล้ชิดจาก นายเกรียงไกร กิริรัมย์ และ นายเรวัฒน์ จันทร์โสม ครูผู้ฝึกสอน ที่ร่วมพัฒนาศักยภาพนักเรียนอย่างเต็มที่
โรงเรียนวัดข่อยขอชื่นชมในความสำเร็จของน้องวุฒิพร และหวังว่าจะเป็นแรงบันดาลใจให้กับเพื่อนนักเรียนในการพัฒนาทักษะด้านกีฬาต่อไป
ภาพ : โรงเรียนวัดข่อย
ข่าว : สรวัชร สรรเพ็ชร์  ทีมข่าวจังหวัดสิงห์บุรี  // รายงาน

ทหาร ฉก.ลาดหญ้า กกล.สุรสีห์ สกัดจับรถตู้หรูคาด่าน ดัดแปลงรถซุกยาเค มูลค่ากว่า 36 ล้านบาท

เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2568  พลตรี ณัฏฐพงศ์ อัศวินวงศ์ ผู้บัญชาการกองพลหารราบที่ 9 ในฐานะ ผู้บัญชาการกองกำลังสุรสีห์...