Monday, September 30, 2024

สภ.เมืองพัทยา จับมือ กต.ตร.สภ.เมืองพัทยา จัดงาน "เกษียณสำราญ งานสำเร็จ เสร็จสมบูรณ์" ร่วมอำลา 8 นายตำรวจ "จากวันที่ภาคเพียร..สู่วันเกษียณที่ภาคภูมิ"

ค่ำวันที่ 30 ก.ย.67 ที่ร้านอีสานกาฬเวลา ถนนเฉลิมพระเกียรติพัทยาสายสาม สภ.เมืองพัทยา โดย พ.ต.อ.นาวิน ธีระวิทย์ ผกก.สภ.เมืองพัทยา ร่วมกับ กต.ตร.สภ.เมืองพัทยา โดย นายชัยรัตน์ รักทอง ประธาน กต.ตร.สภ. เมืองพัทยา จัดงาน "เกษียณสำราญ งานสำเร็จ เสร็จสมบูรณ์" งานเลี้ยงสังสรรค์อำลาเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดที่เกษียณอายุราชการ "จากวันที่ภาคเพียร..สู่วันเกษียณที่ภาคภูมิ" ภายใต้ค็อนเซ็ปต์ Cowboy Night Party
สำหรับเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัด สภ.เมืองพัทยา ที่เกษียณอายุราชการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 รวมจำนวน 5 นาย ประกอบด้วย พ.ต.ท.เดชนะ อำนาจมั่นคง รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.เมืองพัทยา , ร.ต.อ.ทินพันธ์ พิลึก, ร.ต.อ.วินัย เนติสุทธิการ, ร.ต.อ.สุโทธนะ พึ่งภพ และ ร.ต.อ.เสริมชัย มะณีกุล ผบ.หมู่-รอง สว.สภ.เมืองพัทยา 
และเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เข้าร่วมโครงการปรับเปลี่ยนกำลังพล รุ่นที่ 25 ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 รวมจำนวน 3 นาย ประกอบด้วย ร.ต.ท.มาโนช วรชุน ,ร.ต.ต.หปุณณัฐฐา พลายเถาะ รอง สว.(ป.) สภ.เมืองพัทย และ ด.ต.พัชรินทร์ ทองบ่อ ผบ.หมู่(ธร.)สภ.เมืองพัทยา 
ภายในงานได้รับเกียรติจากผู้มีเกียรติเข้าร่วมงาน อาทิ นางอำพร แสงแก้ว นายกสมาคมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและบันเทิงเมืองพัทยา นางลิซ่า แฮมิลตัน นายกสมาคมผู้ประกอบการธุรกิจกลางคืนเมืองพัทยา นายประมวล ทองใบ ที่ปรึกษา กต.ตร.สภ.เมืองพัทยา และนายสุขราช กาลรา ประธานชุมชนวอล์กกิ้งสตรีท 
ทั้งนี้ ในงานได้มีการออกร้านจากผู้ประกอบการเมืองพัทยาให้บริการซุ้มอาหารนานาชนิดพร้อมเครื่องดื่ม ก่อนมีกิจกรรมบันเทิงสร้างสีสัน และจับรางวัลให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เข้าร่วมกิจกรรมโดยพบว่าบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคักเป็นอย่างยิ่ง 
//เก่ง ณ สงขลา รายงาน//

“พิพัฒน์” ขีดเส้น 2 เดือน พิจารณาเร่งแก้กฎกระทรวงฯ ให้ลูกจ้างรายเดือน รับสิทธิค่า OT ตามจริง พร้อมตั้งคณะทำงาน 3ฝ่าย

          วันที่ 30 กันยายน 2567 เวลา 13.30 น. นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานการประชุมหารือและรับหนังสือจากนายพนัส ไทยล้วน ประธานสภาองค์การลูกจ้างแรงงานแห่งประเทศไทย และผู้แทนสภาองค์การลูกจ้างจำนวน 7 สภา เพื่อขอให้กระทรวงแรงงานแก้ไขกฎกระทรวงฉบับที่ 7 (พ.ศ. 2541) และ ฉบับที่ 13 (พ.ศ. 2543) ออกตามความในพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 โดยมี นายวรรณรัตน์ ศรีสุขใส รองปลัดกระทรวงแรงงาน นางสาวกาญจนา พูลแก้ว รองอธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม ณ ห้องประชุมศ. นิคม จันทรวิทุร ชั้น 5 กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน อาคารกระทรวงแรงงาน
          นายพิพัฒน์ กล่าวว่า ในวันนี้ผม พร้อมด้วยรองปลัดกระทรวงแรงงาน รองอธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน และเจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมายกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ได้ร่วมหารือผู้แทนสภาองค์การลูกจ้างฯ ที่ได้มายื่นหนังสือเพื่อขอให้แก้ไขกฎกระทรวงฉบับที่ 7 (พ.ศ. 2541) ข้อ 2 วรรคสอง ที่กำหนดไม่ให้ลูกจ้างรายเดือนมีสิทธิได้รับค่าตอบแทนในการทำงานล่วงเวลาเท่ากับลูกจ้างรายวัน และแก้ไขฉบับที่ 13 (พ.ศ. 2543) ซึ่งตัดสิทธิลูกจ้างรายเดือนไม่ให้ได้รับค่าตอบแทนในการทำงานล่วงเวลา ซึ่งออกตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 โดยได้มีการหารือในประเด็นเกี่ยวกับการปรับปรุงกฎกระทรวงดังกล่าวเพื่อให้ลูกจ้างรายเดือนได้รับค่าตอบแทนจากการทำงานล่วงเวลา เช่นเดียวกับลูกจ้างรายวัน 
“ผมได้สั่งการให้จัดตั้งคณะทำงานซึ่งประกอบด้วยผู้แทน 3 ฝ่าย ได้แก่ ผู้แทนฝ่ายนายจ้าง ฝ่ายลูกจ้าง และฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายละ 7 คน เพื่อศึกษาผลดีและผลเสีย รวมถึงผลกระทบจากการแก้ไขกฎกระทรวงดังกล่าว โดยจะพิจารณาการจ่ายค่าตอบแทนในอัตรา 1.5 เท่าต่อชั่วโมงสำหรับการทำงานล่วงเวลาในวันทำงานปกติ และ 3 เท่าต่อชั่วโมงสำหรับการทำงานในวันหยุด เช่นเดียวกับลูกจ้างรายวันหรือลูกจ้างตามผลงานตามกฎกระทรวงที่ใช้บังคับอยู่ในปัจจุบัน ทั้งนี้ ได้มอบหมายให้กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจัดประชุมและรายงานผลการศึกษาให้แล้วเสร็จภายใน 2 เดือน” นายพิพัฒน์กล่าว

ประจวบคีรีขันธ์ _ ตำรวจทางหลวงประจวบฯ โชว์ผลงานรวบ หนุ่มสตูล ยึดยาบ้าล็อตใหญ่กว่า 10 ล้านเม็ด ก่อนหลุดลงภาคใต้

เมื่อเวลาประมาณ 15.00 น. วันที่ 30 กันยายน 67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่สถานีตำรวจทางหลวงประจวบคีรี ขันธ์ 3 กองกำกับการ 2 กองบังคับ การตำรวจทางหลวง พ.ต.ต.พุทธางกูร เรืองธรรม สารวัตรสถานีตำรวจทางหลวงประจวบฯ พร้อมด้วย พ.ต.อ. สมมาตร สังข์ทอง ผกก.สอบสวนภูธรจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พ.ต.อ.หญิง กมลทิพย์ สุทธิมรรคผล ผกก.พฐ.ประจวบฯ ร.ต.อ.เวิน ไชยอาษา รองสารวัตรตำรวจทางหลวงประจวบ 3 นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ร่วมกัน ตรวจยึดและทำบันทึกจับกุมของกลางเป็นยาบ้ากว่า 10 ล้านเม็ด ซึ่งบรรจุอยู่ในตะกร้าผักผลไม้คลุมมาด้วยผ้าใบสีดำ จำนวน 65 ตะกร้า บนท้ายรถบรรทุกพ่วงเทรลเลอร์ 22 ล้อยี่ห้อ Hino 500 สีขาว หมายเลขทะเบียน ส่วนหัว 71-9691 สงขลา หมายเลขตัวพ่วง 71-9692 สงขลา โดยมีผู้ต้องหาจำนวน 2 ราย ประกอบด้วย นายอมร (สงวนนามสกุล) อายุ 51 ปี ชาวจังหวัดสตูล  และนายวีระพงษ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 39 ปี ชาวจังหวัดตรัง ก่อนจะนำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางทั้งหมด ส่ง เจ้าหน้าที่ปปส.ภาค 7 ดำเนินการต่อไป
โดยสืบเนื่องจาก ร.ต.อ.เวิน ไชยอาษา รองสารวัตรตำรวจทางหลวง ได้รับมอบหมายจากผู้บังคับบัญชาให้นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวน 10 นาย ตั้งด่านจุดตรวจจุดสกัดกวดขันวินัยจราจร และตรวจความพร้อมการใช้งานของรถบรรทุกที่วิ่งบนถนน บริเวณถนนเพชรเกษม ฝั่งขาล่องใต้ หลักกิโลเมตรที่ 378 - 379 บ้านดงไม้งาม ตำบลร่อนทอง อำเภอบางสะพาน ระหว่างนั้นได้มีรถบรรทุกพ่วงคันดังกล่าวขับเข้ามาถึงด่าน ปรากฏว่าไม่มีบังโคลนคลุมล้อด้านท้ายรถ จึงได้เรียกตรวจปรากฏว่าผู้ขับขี่มีอาการพิรุธ และผู้โดยสารที่นั่งรถมาด้วย คือ นายวีระพงษ์ ได้วิ่งหลบหนี จึงได้ติดตามจับกุมตัวมาได้ และตรวจสอบสิ่งของที่บรรทุกมาบนท้ายรถปรากฏว่าเป็นยาบ้าจำนวนมากซึ่งบรรจุอยู่ในถุงพลาสติกปิดผนึกอย่างแน่นหนาใส่ไว้ในตะกร้าผักผลไม้เรียงมาบนท้ายรถบรรทุกจำนวน 65 ตะกร้า รวมจำนวนประมาณ 10,300,000 เม็ด จึงได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางมาสอบสวนและทำบันทึกจับกุมที่สถานีตำรวจทางหลวง และรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบตามลำดับชั้นต่อไป
นายอมร อายุ 51 ปี ชาวจังหวัดสตูล ซึ่งเป็นคนขับยอมรับสารภาพกับผู้สื่อข่าวว่า ตนเองได้นำรถบรรทุกพ่วงซึ่งเป็นของพ่อมาขับรับจ้างขนยาบ้าจากอำเภอไทรน้อย จังหวัดนนทบุรี นำไปส่งที่จังหวัดนครศรีธรรมราช โดยจะมีรถมารอรับ ซึ่งครั้งนี้ได้ทำเป็นครั้งที่ 2 ได้ค่าจ้างครั้งละ 200,000 บาท โดยก่อนหน้านี้ได้รับจ้างบรรทุกข้าวสาร จากกรุงเทพฯลงภาคใต้ ซึ่งครั้งนี้ได้เปลี่ยนมารับจ้างบรรทุกยาบ้าแทน และได้ใช้ผ้าใบคลุมให้ดูคล้ายกับบรรทุกสิ่งของทั่วไป
////////////////////////////
ข่าว   ณฐธภพ พันสาย  /  จ.ประจวบคีรีขันธ์   0649646443

จ.อุตรดิตถ์“ชป.กร.ป.21 พัน.20 อบรมเยาวชนร่วมใจต้านภัยยาเสพติด”

เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2567 
กองพลทหารม้าที่ 1 โดย
ชุดปฏิบัติการกิจการพลเรือน
กองพันทหารปืนใหญ่ที่ 20
กรมทหารปืนใหญ่ที่ 21
ร่วมกับโรงเรียนวัดดอนสัก ตำบลฝายหลวง อำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ 
จัดกิจกรรมตามโครงการค่ายอบรมเยาวชนร่วมใจต้านภัยยาเสพติด เพื่อให้เยาวชน มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับโทษของยาเสพติด ลดปัญหาการแพร่ระบาดของยาเสพติดที่จะเข้ามาในสถานศึกษา และนักเรียนมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหายาเสพติด และสามารถปฏิบัติตนให้ห่างไกลจากยาเสพติด ณ โรงเรียนวัดดอนสัก ตำบลฝายหลวง อำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์
นาคา คะเลิศรัมย์/รายงาน

คุณยายวัย 78 ดีใจน้ำตาคลอ นายอำเภอนำเงินสดมามอบให้ครอบครัวถึงบ้าน

วันที่ 30 กันยายน 67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่านายภูริวัจน์ โชตินพรัตน์ นายอำเภอลับแล จ.อุตรดิตถ์ พร้อมด้วยนักพัฒนาชุมชน จากองค์การบริหารส่วนตำบลฝายหลวง (อบต.ฝายหลวง) และผู้นำชุมชน จัดเตรียมเอกสาร พร้อมเงินสด 10,000 บาท บาท ตามโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจปี 2567 เดินทางไปยังบ้านเลขที่ 111 หมู่ 9 ต.ฝายหลวง เพื่อมอบให้กับ นางอาด มุ่งดี อายุ 78 ปี ผู้พิการทางสายตา ที่ไม่สามารถเดินทางไปประกอบธุรกรรมทางการเงินทั้งธนาคาร ทางกรมบัญชีกลาง จึงจัดโอนเงินเข้าบัญชีขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น(อปท.) ตามภูมิลำเนาที่ผู้พิการแจ้งไว้โดยผูกกับบัญชีเบี้ยผู้พิการที่รับเป็นประจำทุกเดือน จากนั้น อบต.ดำเนินการถอนเงิน 10,000 บาท มอบให้ผู้พิการโดยไม่ต้องเดินทางไปยังธนาคาร 
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอำเภอลับแลได้มอบเงินสด 10,000 บาทให้กับคุณยายอาด ที่พิการทางสายตา พร้อม บอกที่มาที่ไปของเงินจำนวนดังกล่าว ทันทีที่ได้สัมผัสเงิน 10,000 บาท คุณยายอาดยิ้มทั้งน้ำตา ดีใจทั้งได้เงินและดีใจที่ นายอำเภอลับแล เดินทางมามอบเงินดังกล่าวให้กับครอบครัวของตนถึงบ้าน 
คุณยายอาด กล่าวว่า ครอบครัวไม่สามารถเดินทางไปรับเงินได้ทั้งที่ธนาคารและ อบต. เป็นประจำทุกเดือน นายก อบต.ฝายหลวง และ จนท.อบต.ฝายหลวง จะนำมามอบให้ที่บ้าน เงิน 10,000 บาท จนท.ก็คอยมาแจ้งตลอดเวลาว่าเงินจะได้วันไหน พอได้ก็นำมามอบให้ ครอบครัว 3 ชีวิต คือ ตนอายุ 78 ปี พิการทางสายตา,สามี นายสนั่น มุ่งดี อายุ 81 ปี ผู้สูงอายุ และนายมงคล มุ่งดี อายุ 49 ปี ป่วยอัมพฤกษ์ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ซึ่งได้รับเงินตามโครงการฯของรัฐบาลทั้ง 3 คน 
“ทุกๆ เดือนครอบครัวมีรายได้จากเงินผู้สูงอายุ ผู้พิการ 3 คนรวมกัน 3,100 บาท ดีใจที่ได้เงินหมื่น เป็นเงินที่มีค่าที่สุดสำหรับครอบครัวของตน พอได้เงินก็จะมีญาติๆออกไปซื้อข้าวสาร ของใช้ต่างๆ จะใช้จ่ายอย่างประหยัด”คุณยายอาดกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในขณะที่ห้องประชุม อบต.ฝายหลวง อ.ลับแล เจ้าหน้าที่ยังได้อำนวยความสะดวกในการถอนเงิน 10,000 บาทตามโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจปี 2567 ของรัฐบาลและนำมามอบให้ผู้พิการ ที่สามารถเดินทางมารับได้ด้วยตนเอง โดยไม่ต้องเดินทางไปต่อแถวยาวที่ธนาคาร ทั้งนี้ นายชูชาติ จันทร์วัฒนพงษ์ นายก อบต.ฝายหลวง กล่าวว่า อบต.ฝายหลวงมีผู้พิการได้รับเงิน 10,000 บาท จำนวน 92 ราย จนท.ดำเนินถอนเงินมอบให้ผู้พิการตามรายชื่อ ซึ่งเป็นบัญชีเดียวกันกับที่รับเบี้ยยังชีพเป็นประจำทุกเดือน หากเป็นผู้พิการ ผู้ป่วยติดเตียง ผู้สูงอายุ ที่ไม่สามารถเดินทางมารับด้วยตนเองได้ ก็จะเดินทางไปมอบให้ถึงที่บ้าน 
//นาคา คะเลิศรัมย์/รายงาน//

พิษณุโลก ชาวบ้านเนินกุ่ม อ.บางกระทุ่ม ร่ำไห้ ส.ส.บุกสำรวจบ้านน้ำท่วม ถามไถ่ ? ได้รับเงินหมื่นรึยัง ! ระหว่างลงพื้นที่สำรวจความเสียหาย

พร้อมมอบถุงยังชีพแก่ผู้ประสบภัยใน 2 ตำบล(วัดตายม และเนินกุ่ม)  ระบุ อาจต้องสร้างประตูน้ำกักเก็บน้ำและลดแรงปะทะ เพราะท่วมประจำ  
วันนี้ (30 กันยายน 2567) นางสาวพิมพ์พิชชา ชัยศุภกิจเจริญ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขต 4 พรรคเพื่อไทย ลงพื้นที่ตรวจสถานการณ์”น้ำป่าเอ่อท่วมภายใน”วัดตายม” อ.บางกระ ทุ่ม วานนี้ (29 กันยายน 2567) จากที่น้ำป่าหลากท่วมสูงประมาณ 30-40 เซนติเมตรก่อนแห้งในระยะ 2-3 วันที่ผ่านมา พบสภาพพนังคอนกรีตกั้นแม่น้ำเสียหายบางจุด ผลจากมวลน้ำป่าไหลบ่าอย่างรวดเร็วจาก ต.ชมพู อำเภอเนินมะปราง  และพบอีกว่า น้ำป่ายังไหลไปบริเวณ”วัดเนินกุ่ม” อ.บางกระทุ่ม ทำให้มีบ้านเรือนที่ตั้งอยู่ริมน้ำถูกท่วม แต่ปัจจุบันสู่สภาวะปกติแล้ว 
ระหว่างตรวจน้ำท่วม ทีมงาน ส.ส.พิมพ์พิชชา พรรคเพื่อไทยนำถุงยังชีพจาก มูลนิธิไทยคม โดยครอบครัวชินวัตร ร่วมกับถุงยังชีพจากมูลนิธิร่วมกตัญญู-พิษณุโลก, สภ.เนินกุ่ม และถุงยังชีพจาก กองบิน 46 ซึ่งได้รับการบริจาคจากภาคเอกชน อาทิ เดอะมอลกรุ๊ป เป็นต้น ร่วมแจกจ่ายแก่ผู้ประสพภัยในเขตรอบวัดตายมเกือบ 200 ถุง และ รอบๆวัดเนินกุ่มกว่า 100 ถุง เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อน
ชาวบ้านรายหนึ่งที่อาศัยอยู่ริมน้ำ ต.เนินกุ่ม อ.บางกระทุ่ม ถึงกับร่ำไห้และโถมกอด นางสาวพิมพ์พิชชา ชัยศุภกิจเจริญ ส.ส.เพื่อไทย ระหว่าง เดินเข้าสำรวจภายในบ้านที่ได้รับความเสียหายผลจากน้ำท่วม และมอบถุงยังชีพ-อาหารสด พร้อมสอบถามว่า ได้รับเงินหมื่นบาทจากรัฐบาลที่แจกให้กับผู้เปราะบางแล้วรึยัง ซึ่ง นางมุกดา กวางแก้ว บ้านเลขที่ 134 หมู่ 4 ต.เนินกุ่ม อ.บางกระทุ่ม บอกว่า ได้รับแล้วและนำไปปลดหนี้บางส่วนและนำไปซื้อของกินของใช้
นางสาวพิมพ์พิชชา ชัยศุภกิจเจริญ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขต 4 พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ปัญหาน้ำท่วม”วัดตายม”และ”วัดเนินกุ่ม” ซึ่งเป็นพื้นที่ลุ่มต่ำ ผลพวงน้ำหลากจาก ต.ชมพู อ เนินมะปราง  ผ่านลำน้ำสาขา คือ คลองวัดตายม และคลองเนินกุ่ม เอ่อล้นท่วมวัดและชาวบ้านรอบๆ  และลำคลองดังกล่าวไหลไปสิ้นสุดที่ประตูน้ำป่ามะคาบ จ.พิจิตร ปัจจุบันไม่มีแหล่งน้ำขนาดใหญ่เก็บกักน้ำ ซึ่งตนได้อภิปรายในสภาพผู้แทนราษฎร ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา( 26 ก.ย.67) ถึงปัญหาความเดือดร้อนประชาชนชาวอำเภอบางกระทุ่ม 
น้ำท่วมทุกครั้งรอบ 10 ปีที่ผ่านมาพบว่า ปีนี้ น้ำมากและฝนจากพายุซูริค  ทะลักท่วม ผู้นำในพื้นที่ทราบดีว่า ควรจะต้องสร้างประตูน้ำ อยู่ตอนเหนือ พร้อมทำนบคันคลองถาวร เพื่อกักเก็บน้ำและลดแรงปะทะ แต่ด้วยงบประมาณของท้องถิ่นไม่มีเงินพอ ไม่อาจก่อสร้างได้  ตนจึงต้องนำไปอภิปรายปัญหาในสภาผู้แทนราษฎรเพื่อขอรับความช่วยเหลือยังรัฐบาล เบื้องต้นจะประสาน”ชลประทานพิษณุโลก”ออกแบบปรับปรุงคลองเนินกุ่ม-วัดตายมพร้อมอาคารประกอบ ประเมินมูลค่าโครงการ 170 ล้านบาท พร้อมรอหนังสือจากนายกเทศบาลเนินกุ่ม ผ่านไปผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลกเพื่อเร่งรัดการแก้ปัญหาน้ำท่วม-น้ำแล้งต่อไป  
//ป๊อกกองปราบ ภาพ-ข่าว//

Sunday, September 29, 2024

ชาวอุตรดิตถ์ร่วม"แห่เปรต"สืบสานประเพณีสารทเดือน 10 คึกคัก ขอพร "ศพไม่เน่าไม่เปื่อยเหลือแต่กระดูกในโลงแก้ว"

วันที่ 29 กันยายน 2567 ประชาชนชาวจังหวัดอุตรดิตถ์ ได้ร่วมกันสืบสานประเพณีสารทเดือน 10 หรืองานแห่เปรตจัดขึ้นโดยวัดดอยสวรรค์ (วัดเขาไก่เขี่ย) อ.ตรอน จ.อุตรดิตถ์  โดยขบวนแห่เริ่ม ณ บริเวณด้านหน้า สภ.วังกะพี้ อ.เมือง จ.อุตรดิตถ์ มีพระครูประจักษ์กิตติคุณ เจ้าอาวาสวัดดอยสวรรค์ (เขาไก่เขี่ย) ต.วังแดง อ.ตรอน จ.อุตรดิตถ์ เป็นประธานฝ่ายสงฆ์นำพระภิกษุสงฆ์ สามเณร ออกรับบิณฑบาตไปตามถนนสายวังกะพี้ - ตรอนระยะทางประมาณ 5 กิโลเมตร และมีขบวนแห่พระพุทธรูปจำลอง เทวดา นางฟ้า เปรต กระหัง อสูรกาย และขบวนมหรสพ เช่น ลิเก มวยการกุศล ซึ่งตลอด 2 ข้างทาง มีประชาชนมารอใส่บาตรข้าวสาร อาหารแห้ง และปัจจัย เป็นจำนวนมาก 
เมื่อขบวนแห่เปรตมาถึงยังวัดดอยสวรรค์ เป็นที่เรียบร้อย ได้มีการประกอบพิธีอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลไปให้แก่ผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว 
พระครูประจักษ์กิตติคุณ กล่าวว่า วัดดอยสวรรค์ (เขาไก่เขี่ย) จัดงานประเพณีสารทเดือนสิบ หรืองานแห่เปรต เป็นประจำทุกปีต่อเนื่องมากว่า 20 ปี เพื่อรักษาประเพณี สืบทอดพระพุทธศาสนา มีการจำลองนรก สวรรค์ และเมืองมนุษย์ เพื่อสอนให้คนเกรงกลัวต่อบาป หันมาทำความดีตามหลักธรรมคำสอนในพระพุทธศาสนา และให้ชาวพุทธได้ทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้แก่ญาติผู้ล่วงลับ ซึ่งจากการจัดงานมาอย่างต่อเนื่อง ได้รับความสนใจจากประชาชนเข้าร่วมงานเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งก็จะได้อนุรักษ์สืบสานประเพณีนึ้ไว้ต่อไป
ภายหลังจากเสร็จพิธี ผู้สื่อข่าวได้สังเกตุเห็นมีประชาชนบางกลุ่มได้เข้าไปกราบขอพรโครงกระดูกที่บรรจุภายในโลงแก้ว สอบถามชาวบ้านจึงทราบว่า โครงกระดูกดังกล่าวเป็นศพของนายประกอบ นาคลัดดา ซึ่งเป็นบิดาของพระครูประจักษ์กิตติคุณ เจ้าอาวาสวัดดอยสวรรค์ (เขาไก่เขี่ย) เสียชีวิตไปเมื่อปี 2545 ด้วยวัยชรา ก่อนหน้าจะเสียชีวิตนายประกอบ ได้มาถือศิล ปฏิบัติธรรมนุ่งขาวห่มขาวอยู่ที่วัดดอยสวรรค์แห่งนี้ เมื่อเสียชีวิตลงศพกลับไม่เน่าไม่เปื่อย แต่จะเหี่ยวแห้งไปตามการเวลา จนเหลือแต่โครงกระดูกที่มีสภาพที่สมบูรณ์อยู่เท่าทุกวันนี้
//นาคา คะเลิศรัมย์/ รายงาน//

กระตุ้นท่องเที่ยวมูเตลู! พัทยาเตรียมจัดพิธี “นวราตรี” วันแห่งชัยชนะ 9 วัน 9 คืน

    วันที่ 29 ก.ย.67 มีรายงานว่า ผู้สื่อข่าวแขนงต่างๆ เข้าร่วมงานแถลงข่าวเตรียมจัดงานพิธีนวราตรี และงานแห่ประเพณี เนื่องในวันแห่งชัยชนะ ประจำปี 2567 โดยเทวาลัยมหากาลีอวตารจักรวาลชนนี ร่วมกับสมาคมอินเดียชลบุรี จัดขึ้นระหว่างวันที่ 3-11 ตุลาคม 2567
ทั้งนี้ ในพิธีแถลงข่าวมี นางอำพร แก้วแสง ผู้ก่อตั้งเทวาลัยมหากาลีอวตารจักรวาลชนนี พร้อมด้วย ดร.ดีโอ กูมาร์ ซิงค์ นายกสมาคมอินเดียชลบุรี, นายนเรช จันเดอร์ รองนายกสมาคมอินเดียชลบุรี, นายปราชาญ บาตต์ อุปนายกสมาคมอินเดียชลบุรี และนายเซเรช นักธุรกิจคุชราฏ พัทยา ร่วมพิธี
สำหรับพิธีนวราตรี และงานแห่ประเพณี เนื่องในวันแห่งชัยชนะ ประจำปี 2567 ถือเป็นการจัดขึ้นครั้งแรกของเทวาลัยมหากาลีอวตาร จักรวาลชนนี โดยร่วมกับคณะกรรมการสมาคมอินเดียชลบุรี เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองสักการะบูชา และสรรเสริญแห่งองค์พระแม่ทุรคา 
โดยไฮไลท์ของงานจะมีขึ้นในวันที่ 8 ต.ค. 67 -  มีพิธีสวดโซฮา อารตีถวายพระแม่ โดยพราหมณ์คณะบารมี เริ่มตั้งแต่ 17.00 น. เป็นต้นไป ส่วนวันที่ 9 ต.ค. 67 - ช่วงเช้าพราหมณ์ทำพิธีสวดถวายและอารตีไฟถวายพระแม่ หลังจากเสร็จพิธี ช่วงเวลา 16.00 น. จะมีการตั้งขบวนแห่องค์พระแม่และองค์เทพ จากเทวาลัยเคลื่อนขบวนไปยังถนนพัทยาสายสอง มุ่งหน้าลงสู่ถนนเลียบชายหาด วงเวียนปลาโลมา ซึ่งจะมีจุดพักให้ผู้มีจิตศรัทธาได้สักการะบูชา 4 จุด ประกอบด้วย ร้านอาหารอินเดีย Indigo ถนนพัทยา สาย 2 ร้านอาหารอินเดีย Rasoi ถนนพระตำหนัก ร้านอาหารอินเดีย Mumbai se ถนนพัทนา สาย 2 และร้านอาหารอินเดีย Peshwa ถนนเลียบชายหาด หลังจากนี้นั้นขบวนจะกลับมาที่เทวาลัยและเริ่มพิธีในเวลา 19.00น. 
และในวันที่ 10 ต.ค. 67 ช่วงเวลา 19.00 น.พราหมณ์ทำพิธีสวดถวายพระแม่ การแสดงการร่ายรำ หรือที่เรียกว่า เต้นดานเดีย วัฒนธรรมจากประเทศอินเดีย ทั้งนี้ขอมห้ผู้มีจิตศรัทธาในองค์พระแม่ทุก ๆพระองค์ มาร่วมงานนวราตรีตลอด 9 วัน 9 คืน ณ เทวาลัยมหากาลีอวตารจักรวาลชนนี

  สำหรับนวราตรี คืออีกหนึ่งเทศกาลสำคัญทางศาสนาของชาวฮินดูทั่วโลก เป็นวันเฉลิมฉลองชัยชนะขององค์พระแม่ทุรกาที่ปราบอสูรได้สำเร็จ หลังจากต่อสู้กันมาเป็นเวลา 9 วัน 9 คืน (นวราตรี) และยังเป็นการฉลององค์พระแม่ทุรกา ทั้ง 9 องค์ จะเป็นวันที่ทุกคนจะไม่ทานเนื้อสัตว์ ไม่ดื่นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และไม่ปฏิบัติตัวที่ผิดศีล ทั้งนี้ภายในพิธีจะมีการจัดเต้นดานเดีย วัฒนธรรรมจากประเทศอินเดียที่ได้รับความนิยมในอินเดีย ในจังหวัดคุชราฏ และการในครั้วสมาคมคุชราฏ พัทยา ก็ได้สนับสนุนเต้นดานเดีย อีกทั้งภายในงานจะมีโรงทานอาหารอาหารมังสวิรัติไทยและอินเดีย ให้บริการผู้ร่วมงาน จึงขอเชิญชวนผู้ศรัทธาเข้าร่วมงาน ระหว่างวันที่ 3-11 ตุลาคม 2567 ณ เทวาลัยมหากาลีอวตารจักรวาลชนนี เมืองพัทยา จ.ชลบุรี
//เก่ง ณ สงขลา รายงาน//

สมาคมนักหนังสือพิมพ์ภูมิภาคแห่งประเทศไทย (สนพท.) เยี่ยมชมบริษัทผู้ผลิตเทคโนโลยีชั้นนำของประเทศจีนและดูงานสถานีโทรทัศน์หูเป่ย

ตามที่สมาคมนักหนังสือพิมพ์ภูมิภาคแห่งประเทศไทย ได้รับคำเชิญจากสมาคมนักข่าวสาธารณรัฐประชาชนจี...