Saturday, May 31, 2025

อบจ.นครปฐม ประชุมคณะกรรมการประสานแผนพัฒนาท้องถิ่นระดับจังหวัด

วันศุกร์ที่ 30 พฤษภาคม 2568 นายจิรวัฒน์ สะสมทรัพย์ นายก อบจ.นครปฐม เป็นประธานในการประชุมคณะกรรมการประสานแผนพัฒนาท้องถิ่นระดับจังหวัดและคณะกรรมการพัฒนาองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครปฐม ครั้งที่ 1/2568 
เพื่อพิจารณาร่างกรอบการประสานโครงการพัฒนาขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในเขตจังหวัดนครปฐม ณ ห้องประชุมชั้น 3 องค์การบริหารส่วนจังหวัดนครปฐม
//สมคิด  พรมมี  ผู้สื่อข่าว  นครปฐม//

แม่ทัพภาคที่ 3 มอบทุนการศึกษาให้แก่บุตรของกำลังพลใน กองบัญชาการกองทัพภาคที่ 3

ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 3 กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน ภาค 3 และกองร้อยกองบัญชาการกองทัพภาคที่ 3  ประจำปี 2568
วันที่ 30 พฤษภาคม 2568 เวลา 14.00 นาฬิกา ที่ ห้องบันเทิงทัพ 1 สโมสรบันเทิงทัพ ค่ายสมเด็จพระนเรศวรมหาราช อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก พลโท กิตติพงษ์ แจ่มสุวรรณ แม่ทัพภาคที่ 3 พร้อมด้วย พันเอกหญิง สุชาดา แจ่มสุวรรณ เป็นประธานในพิธีมอบทุนการศึกษาให้แก่บุตรของกำลังพลใน กองบัญชาการกองทัพภาคที่ 3 ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 3 กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน ภาค 3 และกองร้อยกองบัญชาการกองทัพภาคที่ 3  ประจำปี 2568 โดยมีผู้บังคับบัญชา และกำลังพลของกองทัพภาคที่ 3 ร่วมในพิธี
สำหรับในปี 2568 นี้ คณะกรรมการได้ดำเนินการพิจารณาจัดสรรเงินทุนการศึกษาประจำปี รวมทั้งสิ้น 385 ทุน โดยรวมเป็นยอดทุนการศึกษาทั้งสิ้น 944,500 บาท แบ่งเป็นประเภทต่าง ๆ ได้แก่ ทุนเรียนดี จำนวน 71 ทุน และทุนทั่วไป จำนวน 314 คน 

โอกาสนี้แม่ทัพภาคที่ 3 ได้กล่าวแสดงความยินดีกับบุตรข้าราชการและลูกจ้างของกองบัญชาการกองทัพภาคที่ 3 ที่ได้รับทุนการศึกษาประจำปี 2568 สำหรับทุนการศึกษาที่ทุกคนได้รับในวันนี้ ขอให้ทุกคนได้มีความภาคภูมิใจและนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยเฉพาะขอให้ยึดหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ซึ่งมีหลัก 3 ห่วง 2 เงื่อนไข ได้แก่พอประมาณ มีเหตุผล มีภูมิคุ้มกัน โดยอาศัยความรู้คู่คุณธรรม สิ่งนี้เป็นหลักประกันให้เรามีชีวิตที่ประสบความสำเร็จมั่นคงผาสุกได้อย่างยั่งยืน


กมธ.การกฎหมายฯ วุฒิสภา เรียกร้องนายกฯ และ ผบ.ตร. แก้ปัญหาขาดแคลนพนักงานสอบสวนของ สตช.

พร้อมปรับเปลี่ยนยศของเจ้าหน้าที่ตำรวจยศ “ร้อยตำรวจเอก” เป็น “พันตำรวจตรี” ก่อนเกษียณ 6 เดือน เพื่อยกย่องที่ปฏิบัติงานด้วยความเสียสละ
วันที่ 30 พฤษภาคม 2568 เวลา 11.15 นาฬิกา ณ ห้องแถลงข่าวสื่อมวลชน ชั้น 1 อาคารรัฐสภา (ฝั่ง สส.) คณะกรรมาธิการการกฎหมาย และการยุติธรรม วุฒิสภา นำโดย พลตำรวจโท บุญจันทร์ นวลสาย ประธานคณะกรรมาธิการ แถลงข่าวเรื่อง "กรณีปัญหาการขาดแคลนพนักงานสอบสวนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ" เนื่องจากเป็นวิกฤตสำคัญของกระบวนการยุติธรรมไทยที่มีผลกระทบโดยตรงต่อประชาชนและภาพลักษณ์ของตำรวจ โดยเฉพาะเมื่อมีแนวโน้มให้ลดบทบาทหรือตัดงานสอบสวนของตำรวจในบางส่วน ซึ่งควรพิจารณารอบด้าน ด้วยสถานการณ์ปัจจุบันมีพนักงานสอบสวนทั่วประเทศไม่ถึง 8,000 คน แต่ต้องรับคดีใหม่เฉลี่ยเกิน 1,000,000 คดี/ปี ซึ่งบางโรงพักมีพนักงานสอบสวน 2-3 คน แต่ต้องทำคดีวันละหลายคดี ทั้งคดีอาญาเบาและหนัก จากการลงพื้นที่ของคณะกรรมาธิการฯ เพื่อรับฟังปัญหาการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่สถานีตำรวจภูธรรัตนาธิเบศร์ พบว่า พนักงานสอบสวนมีภาระงานล้นมือจนเกิดความเครียด บางรายเป็นผู้ป่วยจิตเวชและเป็นโรคซึมเศร้า บางรายมีประวัติคิดสั้น โดยสถานีตำรวจภูธรรัตนาธิเบศร์มีกรอบอัตรากำลังพนักงานสอบสวนจำนวน 29 นาย แต่มีพนักงานสอบสวนครองตำแหน่งจริงเพียง 15 นาย ปฏิบัติงานเข้าเวรจริง 11 นาย โดยเป็นผู้ป่วยจิตเวช 5 นาย ทำให้พนักงานสอบสวนมีภาระงานเกินจำนวนบุคลากร ที่ผ่านมาโรงพักมีสถิติคดีอาญาประมาณ 10,000 คดี/ปี เฉลี่ยแล้วพนักงานสอบสวน 1 นาย ต้องรับผิดชอบดีมากกว่า 1,000 คดี/ปี ส่งผลให้คดีเกิดความล่าช้า ผู้ต้องหาถูกควบคุมตัวเกินเวลาที่ควร เหยื่อไม่ได้รับความเป็นธรรม และส่งผลกระทบต่อร่างกาย จิตใจ และประสิทธิภาพในการทำงาน ทำให้มีการลาออกและขอย้ายสายงานเป็นจำนวนมาก ดังนั้น จึงขอเรียกร้องไปยังนายกรัฐมนตรีและผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเร่งแก้ไขปัญหาดังกล่าวโดยเร็ว พร้อมเร่งปฏิรูปงานสอบสวน เพิ่มตำแหน่งพนักงานสอบสวนสายสอบสวนโดยเฉพาะที่ไม่รวมกับสายอื่น และนำเทคโนโลยีมาใช้สนับสนุนการทำงาน เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชนในเรื่องกระบวนการยุติธรรมให้เข้าถึงได้รวดเร็วและทันต่อเหตุการณ์
ด้าน พลตำรวจโท วันไชย เอกพรพิชญ์ ประธานที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการ ได้เสนอการปรับเปลี่ยนยศของเจ้าหน้าที่ตำรวจยศร้อยตำรวจเอกเป็นพันตำรวจตรีก่อนเกษียณหกเดือน สืบเนื่องจากการปลดเกษียณในยศร้อยตำรวจเอกอาจไม่สอดคล้องกับระยะเวลารับราชการในสายสัญญาบัตร และทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำกับผู้ที่เติบโตในสายสัญญาบัตรโดยตรง ส่งผลต่อภาระงบประมาณบำนาญในระยะยาว ดังนั้น ขอเรียกร้องไปยังนายกรัฐมนตรีและผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ขอให้ปรับเปลี่ยนการปลดเกษียณเป็นยศพันตำรวจตรีล่วงหน้า 6 เดือนก่อนเกษียณ สำหรับผู้ที่ติดยศร้อยตำรวจเอกและเกษียณในปีนั้น ซึ่งเป็นการให้ยศเกียรติยศเท่านั้น ไม่ใช่การแต่งตั้งตำแหน่งหรือหน้าที่ และเพื่อใช้ยศในการคำนวณบำเหน็จบำนาญหลังเกษียณที่จะเป็นการสร้างแรงจูงใจและให้เกียรติและยกย่องข้าราชการตำรวจที่ปฏิบัติงานด้วยความเสียสละ

“สรรเพชญ” ตั้งข้อสังเกตงบฯ ปี 2569 ห่วงขาดดุลสูง งบท้องถิ่นยังต่ำกว่ากฎหมายกำหนด หวังรัฐบาลเร่งแก้ไขปัญหาปากท้องประชาชน

30 พฤษภาคม 2568 นายสรรเพชญ บุญญามณี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคประชาธิปัตย์ ได้ตั้งข้อสังเกตต่อร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 ว่า แม้จะเป็นงบประมาณที่รัฐบาลจัดทำขึ้นในบริบทของการฟื้นฟูเศรษฐกิจ แต่ยังคงมีประเด็นหลายด้านที่ควรจับตา โดยเฉพาะในเรื่องความสมดุลทางการคลัง และทิศทางการจัดสรรงบประมาณให้สอดคล้องกับการแก้ปัญหาเชิงโครงสร้าง

หนึ่งในประเด็นหลักที่ได้รับความสนใจ คือ การตั้งงบประมาณแบบขาดดุลในวงเงินสูงถึง 860,000 ล้านบาท ซึ่งสะท้อนว่า รัฐบาลยังคงต้องพึ่งพาการกู้เงินอย่างต่อเนื่องเพื่อชดเชยรายจ่าย ซึ่งตนเข้าใจได้ว่าเป็นความจำเป็นในระยะสั้นเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ในระยะยาว ควรมีแผนลดระดับการขาดดุลและควบคุมหนี้สาธารณะให้เกิดเสถียรภาพทางการคลังของประเทศ รวมถึงในส่วนของงบกลาง ซึ่งถูกจัดสรรไว้ถึง 632,968 ล้านบาท หรือประมาณร้อยละ 16.7 ของงบประมาณทั้งหมด ยังเป็นงบที่ไม่มีการแจกแจงรายละเอียดอย่างเพียงพอ และมีลักษณะการรวมศูนย์อำนาจการตัดสินใจไว้ที่ส่วนกลางค่อนข้างมาก ทำให้ยากต่อการตรวจสอบประสิทธิภาพในการใช้งบ แต่งบประมาณในส่วนนี้ก็ยังคงมีความจำเป็นในช่วงที่รัฐบาลต้องแก้ไขปัญหาที่เร่งด่วนที่ไม่อาจคาดคะเนได้ ซึ่งหากรัฐบาลสามารถแจกแจงที่มาที่ไป การใช้จ่ายงบประมาณให้ประชาชนร่วมตรวจสอบได้จะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนเป็นอย่างมาก และเป็นการย้ำให้ประชาชนได้เห็นถึงความโปร่งใสตรวจสอบได้ในกระบวนการงบประมาณของรัฐบาล
นอกจากนี้ นายสรรเพชญยังได้เสนอข้อสังเกตต่อบทบาทของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งควรมีบทบาทที่ชัดเจนและเชิงรุกมากยิ่งขึ้นในการบรรเทาปัญหาค่าครองชีพที่ยังอยู่ในระดับสูง พร้อมเสนอให้ฟื้นฟูมาตรการลดราคาสินค้าจำเป็นในรูปแบบที่เข้าถึงประชาชนได้อย่างทั่วถึง เช่น โครงการธงฟ้า ควบคู่กับการรักษามาตรฐานคุณภาพสินค้า ไม่ใช่มุ่งเพียงลดราคาแต่กลับละเลยความปลอดภัยหรือคุณภาพที่ประชาชนควรได้รับ ทั้งนี้ ยังสะท้อนปัญหาราคาสินค้าเกษตรที่ตกต่ำอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะพืชเศรษฐกิจสำคัญอย่างปาล์มน้ำมัน ยางพารา และข้าว ซึ่งกระทบต่อรายได้ของเกษตรกรจำนวนมากทั่วประเทศ จึงเสนอให้รัฐบาลเร่งจัดสรรงบประมาณเพื่อสนับสนุนการเปิดตลาดใหม่และขยายการส่งออกในไตรมาสถัดไป เพื่อช่วยพยุงราคาสินค้าเกษตรและรักษาเสถียรภาพรายได้ของภาคเกษตรกรรมต่อไป

ขณะที่ในด้านการกระจายอำนาจ นายสรรเพชญตั้งข้อสังเกตว่า งบประมาณที่จัดสรรให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแม้จะมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นจากปีก่อน แต่ยังต่ำกว่าร้อยละ 35 ตามกรอบแนวนโยบายการกระจายงบประมาณตามกฎหมาย จึงควรมีการเร่งรัดให้เกิดการกระจายงบประมาณสู่ท้องถิ่นอย่างแท้จริง เพื่อให้การพัฒนาเกิดขึ้นจากฐานราก และตอบโจทย์พื้นที่ได้ตรงจุดมากขึ้น นายสรรเพชญเสนอว่า ในปีงบประมาณ 2570 รัฐบาลควรกำหนดเป้าหมายการจัดสรรงบท้องถิ่นให้ได้อย่างน้อย ร้อยละ 30 ของงบทั้งหมด และควรมีการกระจายภารกิจด้านการลงทุนเพิ่มขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อให้สอดคล้องกับหลักการกระจายอำนาจและการพัฒนาที่ยั่งยืน

จังหวัดสิงห์บุรีจัดกิจกรรม “สร้างศิลป์ ถิ่นวีรชน” ส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ สร้างรายได้และรักษามรดกทางวัฒนธรรม

วันที่ 30 พฤษภาคม 2568 เวลา 09.00 น. ณ หอประชุมหอมหวล พรทวีทัศน์ โรงเรียนสิงห์บุรี ตำบลบางมัญ อำเภอเมืองสิงห์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี ได้มีการจัดกิจกรรม “สร้างศิลป์ ถิ่นวีรชน” ภายใต้โครงการส่งเสริมประชาสัมพันธ์ด้านการท่องเที่ยวผ่านเรื่องเล่าจังหวัดสิงห์บุรี โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจของชุมชน ผ่านการทำนุบำรุงและสืบสานวัฒนธรรมท้องถิ่นอย่างยั่งยืน
พิธีเปิดได้รับเกียรติจาก นางสาววีรวรรณ จันทนเสวี รองผู้ว่าราชการจังหวัดสิงห์บุรี เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วยบุคคลสำคัญและแขกผู้มีเกียรติ อาทิ นางวาสนา ธีรนิติ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดสิงห์บุรี
พ.ต.อ.ธีรวัจน์ ขจรเกียรติภาส รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสิงห์บุรี ดร.เกตุชญา วงษ์เพิก ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสิงห์บุรี รองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสิงห์บุรี หัวหน้าส่วนราชการ จากหน่วยงานต่าง ๆ ในจังหวัดสิงห์บุรี ที่มาร่วมแสดงความยินดีและให้กำลังใจแก่ผู้จัดและศิลปินผู้ร่วมแสดงผลงาน
ภายหลังจากพิธีเปิด ได้รับเกียรติจาก นายสุเมธ ธีรนิติ ผู้ว่าราชการจังหวัดสิงห์บุรี และ นายวราดิศร อ่อนนุช รองผู้ว่าราชการจังหวัดสิงห์บุรี เข้าร่วมชมการแสดงวาดภาพของศิลปิน ซึ่งถ่ายทอดเรื่องราวของถิ่นวีรชนผ่านศิลปะ สะท้อนอัตลักษณ์และมรดกทางวัฒนธรรมของจังหวัดได้อย่างน่าประทับใจ โดยมีครูและนักเรียนจากหลายสังกัดเข้าร่วมชมกิจกรรม เพื่อเปิดประสบการณ์และสร้างแรงบันดาลใจด้านศิลปวัฒนธรรม
นายประสิทธิ์ พุ่มไม้ชัยพฤกษ์ วัฒนธรรมจังหวัดสิงห์บุรี ในนามของคณะกรรมการดำเนินงาน ได้กล่าวรายงานว่า กิจกรรม “สร้างศิลป์ ถิ่นวีรชน” เป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมหลักส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์และวิถีชีวิต และกิจกรรมย่อยส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ภายใต้โครงการส่งเสริมประชาสัมพันธ์ด้านการท่องเที่ยวผ่านเรื่องเล่าจังหวัดสิงห์บุรี
กิจกรรมสำคัญในงานประกอบด้วย
การศึกษาดูงานแหล่งเรียนรู้ทางประวัติศาสตร์ เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2568 การแสดงวาดภาพโดยศิลปิน ณ หอประชุมหอมหวล พรทวีทัศน์ วันที่ 30 พฤษภาคม 2568 โดยมีครูและนักเรียนจากหลายสังกัดเข้าร่วมชม
การจัดแสดงนิทรรศการทัศนศิลป์ ระหว่างวันที่ 22–28 กรกฎาคม 2568
การจัดประมูลภาพวาดในวันที่ 29 กรกฎาคม 2568 ณ ห้างท็อปส์ พลาซ่า สิงห์บุรี
กิจกรรมในครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนจากจังหวัดสิงห์บุรี และได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานภาครัฐ เอกชน สถาบันการศึกษา และเครือข่ายวัฒนธรรมในพื้นที่ เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ และยกระดับการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมของจังหวัดอย่างยั่งยืน

ภาพ-ข่าว : สรวัชร สรรเพ็ชร์ ทีมข่าวจังหวัดสิงห์บุรี  // รายงาน

สิงห์บุรี / สภ.บางระจัน จัดกิจกรรมอบรมรับมือเหตุบุคคลคลุ้มคลั่งในสถานศึกษา

เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2568 เวลา 13.00 น. ภายใต้การอำนวยการของ พ.ต.อ.เสน่ห์ เจริญจิตร ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรบางระจัน และ พ.ต.ท.กิตติมศักดิ์ ทองบาน รองผู้กำกับการป้องกันปราบปราม สภ.บางระจัน ได้มอบหมายให้ พ.ต.ท.ฉัตรชัย พวงทอง สารวัตรป้องกันปราบปราม นำทีมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดระงับเหตุบุคคลคลุ้มคลั่ง เข้าดำเนินกิจกรรมบรรยายให้ความรู้และฝึกทักษะการเอาตัวรอดแก่คณะครูและนักเรียนโรงเรียนวัดห้วยเจริญสุข ตำบลพักทัน อำเภอบางระจัน จังหวัดสิงห์บุรี
การอบรมครั้งนี้มุ่งเน้นการสร้างความเข้าใจและเตรียมความพร้อมในการรับมือสถานการณ์ฉุกเฉิน อาทิ กรณีเกิดเหตุกราดยิง หรือบุคคลคลุ้มคลั่งเข้ามาอาละวาดในสถานศึกษา โดยใช้แนวทาง “หนี ซ่อน สู้” (Run – Hide – Fight) เพื่อให้ครูและนักเรียนสามารถตัดสินใจและปฏิบัติตัวได้อย่างปลอดภัยเมื่อเผชิญเหตุจริง
ทั้งนี้ กิจกรรมได้รับความสนใจและความร่วมมือจากบุคลากรและนักเรียนเป็นอย่างดี สะท้อนถึงความตื่นตัวและความสำคัญของการเตรียมความพร้อมด้านความปลอดภัยในสถานศึกษา
ภาพ : สถานีตำรวจภูธรบางระจัน
ข่าว : สรวัชร สรรเพ็ชร์ ทีมข่าวจังหวัดสิงห์บุรี // รายงาน

สำนักงานคุมประพฤติจังหวัดพิษณุโลก จัดโครงการประกวดทำอาหาร Street Food

สร้างอาชีพ กรมคุมประพฤติ ระดับเขต 6 ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568
กรมคุมประพฤติ กระทรวงยุติธรรม โดยสำนักงานคุมประพฤติจังหวัดพิษณุโลก วันที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2568 นายชิด ปาคำมา ผู้อำนวยการฯ ,ผู้อำนวยการสำนักงานคุมประพฤติในเขต 6 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สำนักงานฯ และอาสาสมัครคุมประพฤติภาค 6 จัดโครงการประกวดทำอาหาร Street Food สร้างอาชีพ กรมคุมประพฤติ ระดับเขต 6 ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 โดยได้รับเกียรติจาก นายบุญเหลือ บารมี รองผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก เป็นประธานในพิธีเปิด และกล่าวให้โอวาทแก่ผู้เข้าร่วมโครงการฯ 
ในการนี้มีหัวหน้าส่วนราชการในจังหวัดพิษณุโลก ร่วมเป็นเกียรติในพิธีเปิด ณ อาคารอเนกประสงค์ อาคารบูรณาการกระทรวงยุติธรรม จังหวัดพิษณุโลก

สิงห์บุรี / พิธีทอดกฐินสามัคคี ณ วัดหน้าพระธาตุ รวมใจทำบุญกฐินสามัคคี สืบสานพุทธศาสนาอย่างยิ่งใหญ่

วันที่ 23 ตุลาคม 2568 เวลา 08.00 น. ณ วัดหน้าพระธาตุ หมู่ที่ 1 ตำบลจักรสีห์ อำเภอเมือง จังหวัดสิงห์บุรี ได้จัดพิธี ทอดกฐินสามัคค...