Thursday, July 31, 2025

แม่ทัพภาคที่ 3 รับมอบสิ่งของช่วยเหลือจากกลุ่มพลังมวลชน จ.พิษณุโลก เพื่อบรรเทาผลกระทบจากสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา

       วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 เวลา 13.30 น. พลโท กิตติพงษ์ แจ่มสุวรรณ แม่ทัพภาคที่ 3 เป็นประธานในพิธีรับมอบสิ่งของช่วยเหลือจากกลุ่มพลังมวลชนในพื้นที่จังหวัดพิษณุโลก โดยมี นายทวี เสริมภักดีกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการจังหวัดพิษณุโลก ในนามของจังหวัดพิษณุโลก เป็นผู้แทนมอบสิ่งของร่วมกับคุณสุเกียรติ ด่านพิษณุพันธ์ และกลุ่มพลังมวลชน จ.พิษณุโลก รวม 27 หน่วยงาน ณ ห้องโถงกลาง สโมสรบันเทิงทัพ ค่ายสมเด็จพระนเรศวรมหาราช อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก 
สิ่งของที่นำมามอบประกอบด้วยเครื่องอุปโภคบริโภค ผ้าห่ม และเวชภัณฑ์ เพื่อใช้ในการช่วยเหลือกำลังพลและประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความตึงเครียดบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา โดยกองทัพภาคที่ 3 จะส่งต่อสิ่งของทั้งหมดให้กองทัพภาคที่ 2 เพื่อนำไปแจกจ่ายยังพื้นที่เป้าหมายอย่างเหมาะสม

        แม่ทัพภาคที่ 3 ได้กล่าวแสดงความขอบคุณต่อจังหวัดพิษณุโลก และพี่น้องประชาชนที่ร่วมแสดงน้ำใจอันงดงาม พร้อมย้ำว่ากองทัพภาคที่ 3 จะดำเนินการแจกจ่ายสิ่งของให้ทั่วถึงและเกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน และเสริมสร้างขวัญกำลังใจแก่กำลังพลที่ปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ชายแดน


พิษณุโลก แม่ทัพภาคที่ 3 ย้ำ หน้าที่เป็นกองหนุน หากแนวหน้าอ่อนล้าหรือต้องพัก มีหน่วยเตรียมในที่ตั้ง

 ขณะที่พลังน้ำใจจากภาครัฐ-เอกชนท่วมท้น มอบเงินและสิ่งของจำเป็นส่งต่อสู่แนวหน้าชายแดนไทย–กัมพูชา  
วันนี้  31 กรกฎาคม 2568 พลโทกิตติพงษ์ แจ่มสุวรรณ แม่ทัพภาคที่ 3  รับมอบเงินและสิ่งของจำเป็นจาก 27 หน่วย/องค์กร ไปส่งต่อช่วยเหลือทหารแนวหน้าชายแดนไทย–กัมพูชาและศูนย์อพยพในภาคอีสานที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์สู้รบ โดยมี นายทวี เสริมภักดีกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลกเป็นผู้แทนรับส่งของ ที่สโมสรบันเทิงทัพ ค่ายสมเด็จพระนเรศวรมหาราช อ.เมือง จ.พิษณุโลก 
แม่ทัพภาคที่ 3 กล่าวว่า จะแจกจ่ายสิ่งของและเงินช่วยเหลือถึงมือทหารแนวหน้า อาสาและผู้ประสบภัย จริงๆ กองทัพภาคที่ 3 ไม่อยากรบกวน แต่บังเอิญว่า พี่น้องประชาชนชาวพิษณุโลกและจังหวัดใกล้เคียงยื่นความประสงค์อยากส่งของใช้จำเป็นไปให้แนวหน้า กองทัพภาคที่ 3 จึงอาสา รวบรวมสิ่งของไปสู่แนวหน้า  อาทิ น้ำพริก กล้วยตาก ข้าวสาร ไข่ ฯลฯ เพื่อให้ทหารรู้ว่า เขาไม่ได้โดดเดี่ยว คนแนวหลังยังคิดถึงและเอาใจช่วยอยู่เสมอ 
พลโทกิตติพงษ์ แจ่มสุวรรณ  เปิดเผยอีกว่า กองทัพภาคที่ 3 ไม่ใช่หน่วยออกปฏิบัติในภารกิจขั้นแรกในระยะแรก ต้องพร้อมทำหน้าที่เป็นกองหนุน หากแนวหน้าอ่อนล้าหรือบาดเจ็บหรือจำเป็นต้องพัก จะต้องมีหน่วยเตรียมในที่ตั้ง พร้อมปฏิบัติภารกิจตามคำสั่งของกองทัพบกได้ทันที 
กรณีวางทุ่นระเบิดบริเวณประสาทตาควายนั้นเป็นการละเมิดข้อตกลงระหว่างประเทศ อนุสัญญาออตตาวา ทั้งสองประเทศได้ลงนาม ห้ามใช้”กับระเบิด” รู้อยู่แล้วว่า ผลตามมาจะคืออะไร ทั้งๆที่ประเทศเขาได้รับผลกระทบจากระเบิด พิการไปจำนวนมาก แต่เขายังเอากลับมาทำอีก ลองไปคิดดูว่า ประเทศเขาคิดอย่างไร
“ก็คุยและให้กำลังใจแม่ทัพภาคที่ 2 ถ้ามีปัญหาภาคเหนือเขาก็ส่งทหารมาช่วยเรา แต่เหตุการณ์ปะทะเกิดขึ้นที่ภาคอีสาน เราก็พร้อมช่วยเหลือเช่นกัน ไม่ต้องห่วง ทหารไทยเรามีเลือดเนื้อเชื้อไข สปีชี่ส์เดียวกัน” แม่ทัพภาคที่3 เผย  
//ป๊อกกองปราบ ภาพ-ข่าว//

ประจวบคีรีขันธ์ _ อำเภอทับสะแก "เปิดปฏิบัติการกวาดล้างยาเสพติด ยุทธการเมืองสามอ่าวล้างบางยาเสพติด" รวบผู้ต้องหา 5 ราย

วันที่ 30 ก.ค. 68 ภายใต้การอำนวยการของ นายสิทธิชัย สวัสดิ์แสน ผวจ.ประจวบคีรีขันธ์ /ผอ.ศอ.ปส.จ.ปข. สั่งการให้ นายสิทธิพร คงหอม นายอำเภอทับสะแก /ผอ.ศป.ปส.อ.ทับสะแก มอบหมายให้ นายทนงศักดิ์ รุ่งรัศมี ปลัดอาวุโสอำเภอทับสะแก นายพงศ์นรินทร์ สุขประเสริฐ ปลัดอำเภอ พร้อมด้วยสมาชิก อส.อ.ทับสะแก 6 และผู้ใหญ่บ้าน สารวัตรกำนัน ในพื้นที่ ตรวจสอบเรื่องร้องเรียนการลักลอบจำหน่ายยาเสพติดให้กลุ่มวัยรุ่นในพื้นที่ หมู่ที่ 2 ตำบลนาหูกวาง 

จากการตรวจสอบได้ดำเนินการจับกุมผู้กระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติดจำนวน 5 ราย ซึ่งพนักงานฝ่ายปกครองได้แจ้งข้อกล่าวหา ดังนี้
1. เป็นผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) โดยผิดกฎหมาย และเสพยาเสพติดให้โทษประเภท1 (ยาบ้า) โดยผิดกฎหมาย (จำนวน 1 ราย)
2. เสพยาเสพติดให้โทษประเภท1 (ยาบ้า) โดยผิดกฎหมาย (จำนวน 4 ราย) โดยได้บันทึกการจับกุมส่งพนักงานสอบสวน สภ.ทับสะแก เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
   
///////////////

ข่าว. ณัฐธภพ พันสาย. /  จ.ประจวบคีรีขันธ์. 0649646443

GULF ส่งต่อความห่วงใยให้ทหารไทย มอบถุงยังชีพ 1,000 ชุดให้ ‘กองทัพบก’สนับสนุนปฏิบัติการภารกิจด้านความมั่นคงพื้นที่ชายแดนไทย – กัมพูชา

   บริษัท กัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF นำโดย นายสิตมน รัตนาวะดี ผู้ช่วยรองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร พร้อมด้วยทีม ‘กัลฟ์อาสา’ ร่วมกันแพ็คถุงยังชีพ ‘GULF Care’ จำนวน 1,000 ชุด ภายในบรรจุของใช้ที่จำเป็นอาทิ ผ้าขนหนู ถุงเท้า กางเกงชั้นใน ยารักษาโรค ตลอดจนอาหารกระป๋อง บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป และนมกล่อง เพื่อนำไปแจกจ่ายให้เหล่าทหารที่ปฏิบัติภารกิจด้านความมั่นคงในพื้นที่ชายแดนไทย – กัมพูชา โดยมี พลโท ชัยพฤกษ์ ด้วงประพัฒน์ รองเสนาธิการทหารบก เป็นผู้แทนรับมอบ ร่วมด้วย พลโท ณัฐวุฒิ ภาสุวณิชยพงษ์ เสนาธิการ สำนักงานปฏิบัติภารกิจกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในกองทัพบก และพลโท จินตมัย ชีกว้าง เจ้ากรมกิจการพลเรือนทหารบก ณ กองบัญชาการกองทัพบก กทม.
      นายสิตมน รัตนาวะดี ผู้ช่วยรองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “GULF ติดตามข่าวสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาอย่างใกล้ชิด และเห็นว่าในสถานการณ์เช่นนี้ สิ่งที่แนวหลังอย่างเราพอจะทำได้ คนละไม้คนละมือคือการช่วยดูแลความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบ รวมถึงการสนับสนุนสิ่งของและอุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับพี่ ๆ ทหารที่ปฏิบัติภารกิจด้านความมั่นคงในพื้นที่ GULF จึงอยากมีส่วนร่วมในการส่งต่อความห่วงใย ความช่วยเหลือ เรามีความตั้งใจที่จะเป็นอีกหนึ่งแรงสนับสนุน ทั้งการดูแลประชาชน และพี่ ๆ ทหารแนวหน้าที่ปฏิบัติภารกิจด้วยความทุ่มเทและเสียสละ เพื่อเป็นอีกหนึ่งพลังที่จะอยู่เคียงข้างทุกคนในทุกสถานการณ์”
พลโท ชัยพฤกษ์ ด้วงประพัฒน์ รองเสนาธิการทหารบก กองบัญชาการกองทัพบก กล่าวว่า “จากสถานการณ์ความไม่สงบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ทหารไทยทุกนายยังคงมีขวัญกำลังใจที่เข้มแข็งและพร้อมเสียสละเพื่อประเทศชาติอย่างเต็มที่ แม้ว่าเราจะมีสูญเสียกำลังพลไปหลายนาย และอีกหลายนายได้รับบาดเจ็บ แต่พวกเขายังคงห่วงใยเพื่อนร่วมรบ และแสดงความประสงค์ที่จะกลับไปร่วมปฏิบัติหน้าที่ช่วยเหลือเพื่อน ๆ ในพื้นที่ กองทัพบกขอขอบคุณกำลังพลทหารหาญทุกนาย ที่มุ่งมั่นปกป้องอธิปไตยของชาติ และยึดมั่นในอุดมการณ์ของการรับใช้ชาติและแผ่นดิน นอกจากนี้ ขอขอบคุณภาคเอกชนและประชาชนทุกท่านที่แสดงน้ำใจและความห่วงใยต่อกองทัพ ถึงแม้กองทัพบกจะไม่ได้เปิดรับบริจาคอย่างเป็นทางการ แต่มีหลายฝ่ายได้ติดต่อสอบถามความต้องการและนำสิ่งของมามอบให้กับกำลังพลที่ปฏิบัติหน้าที่อย่างหนักในพื้นที่ชายแดน การสนับสนุนจากทุกท่านถือเป็นกำลังใจสำคัญและเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับทหารหาญของเรา กองทัพบกจะนำสิ่งของที่ได้รับมอบจากทุกภาคส่วนไปส่งมอบให้กับกำลังพลแนวหน้า เพื่อใช้ในการปฏิบัติหน้าที่ต่อไป ขอขอบคุณด้วยใจจริงครับ”
ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ผ่านมาทีมกัลฟ์อาสาได้ลงพื้นที่ส่งมอบถุงยังชีพ GULF Care กว่า 1,000 ชุด ให้ประชาชนในศูนย์พักพิงในจังหวัดต่าง ๆ เช่น บุรีรัมย์, สุรินทร์, ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี รวมถึงสนับสนุนงบประมาณจำนวนหนึ่งเพื่อนำไปบริหารจัดการภายในศูนย์พักพิง และมอบของใช้ที่จำเป็นเพื่อใช้ในศูนย์พักพิง อาทิ ชุดเครื่องนอน อาหารแห้ง น้ำดื่ม นมผง ผ้าอ้อมสำหรับเด็ก แผ่นอนามัยและผ้าอ้อมสำหรับผู้ใหญ่ ไม่เพียงเท่านี้ GULF ยังมอบเงินช่วยเหลือให้แก่ทหารที่ได้รับบาดเจ็บจากการเหยียบกับระเบิดในขณะปฏิบัติภารกิจออกลาดตระเวนเพื่อปกป้องอธิปไตยพื้นที่ช่องบก ชายแดนไทย-กัมพูชา จ.อุบลราชธานี จำนวน 1.2 ล้านบาทอีกด้วย

“ไทยเที่ยวไทย เที่ยวอย่างภาคภูมิใจที่สวนนงนุชพัทยา” สุดคุ้ม! ซื้อ 1 แถมฟรีอีก 1 ตลอดเดือนสิงหาคม 2568

       สวนนงนุชพัทยา สถานที่ท่องเที่ยวระดับโลกที่คนไทยภูมิใจ หนึ่งใน 10 สวนสวยที่สุดในโลก ตอกย้ำความเป็นแลนด์มาร์กด้านการท่องเที่ยวของประเทศไทย ร่วมสนับสนุนโครงการ “ไทยเที่ยวไทย” ด้วยโปรโมชั่นสุดพิเศษ “ซื้อ 1 แถมฟรีอีก 1” สำหรับนักท่องเที่ยวคนไทยแบบ Walk-in ตลอดเดือนสิงหาคม 2568
        นายกัมพล ตันสัจจา ประธานสวนนงนุชพัทยา เปิดเผยว่า “การท่องเที่ยวแบบไทยเที่ยวไทย คือการสร้างพลังให้เศรษฐกิจ ทุกภูมิภาค ทุกชุมชน ภายในประเทศ สวนนงนุชพร้อมเป็นจุดหมายปลายทางแห่งความสุขของคนไทยทุกครอบครัว ด้วยโปรโมชั่นพิเศษในเดือนแห่งวันแม่ สนับสนุนให้คนไทยออกมาเที่ยว ผ่อนคลาย และภาคภูมิใจในแหล่งท่องเที่ยวของคนไทย”เพราะการเที่ยวเมืองไทย…คือการภาคภูมิใจในความเป็นไทย
รายละเอียดโปรโมชั่น:
ซื้อบัตรผ่านประตู 1 ท่าน แถมฟรีอีก 1 ท่าน (เฉพาะคนไทย Walk-in)
เด็กสูงไม่เกิน 140 ซม. (ที่มาพร้อมครอบครัว) และผู้พิการ เข้าฟรีทุกวัน
ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป เข้าฟรีทุกวันศุกร์
ผู้สูงอายุ 80 ปีขึ้นไป เข้าฟรีตลอดปี ไม่มีเงื่อนไข
         นักท่องเที่ยวยังสามารถรับชมการแสดงที่เป็นเอกลักษณ์ของสวนนงนุช ได้แก่“นงนุชโชว์” และโชว์ความสามารถของ น้องช้างแสนรู้ ที่โรงละครสกาลา จัดแสดงวันละ 4 รอบ และ และเด็กๆห้ามพลาดไดโนเสาร์ขนาดเท่าตัวจริง มีจำนวนมากกว่า 1700 ตัว รอต้อนรับทุกคนให้มาสัมผัสประสบการณ์ใหม่โดยไม่มีค่าใช้จ่ายสวนนงนุชพัทยา เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00 – 18.00 น. สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่: www.nongnooch pattaya.com

Wednesday, July 30, 2025

คณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ วุฒิสภา ลงพื้นที่ศึกษาดูงานการบริหารจัดการหนี้สินเกษตรกร ณ จังหวัดนครราชสีมา

เมื่อวันพุธที่ 30 กรกฎาคม 2568 เวลา 13.00 น. คณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ วุฒิสภา 
นำโดยนายเตชสิทธิ์  ชูแก้ว รองโฆษกคณะกรรมาธิการ พร้อมด้วยคณะอนุกรรมาธิการการบริหารจัดการหนี้สินครัวเรือนเกษตรกรไทย ได้เดินทางไปศึกษาดูงานและรับฟังบรรยายสรุปเกี่ยวกับการบริหารจัดการหนี้สินของเกษตรกรในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา การส่งเสริมการสร้างรายได้ให้เกษตรกร รวมถึงแนวทางการแก้ไขพื้นที่ทำการเกษตร ตลอดจนปัญหาและอุปสรรคในการพัฒนาภาคเกษตร ทั้งในมิติด้านสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ สังคม และการบริหารจัดการ พร้อมทั้งเสนอแนวทางในการแก้ไขปัญหาเพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับภาคการเกษตรของจังหวัดอย่างยั่งยืน ณ ห้องประชุม สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดนครราชสีมา อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา 
โดยได้รับเกียรติจากนายชัยวัฒน์  ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุมและได้ให้ข้อมูลภาพรวมเศรษฐกิจการเกษตรของจังหวัดนครราชสีมา โดยผู้ว่าราชการจังหวัดมุ่งเน้นให้เกษตรกรมีรายได้ประจำวัน ประจำสัปดาห์ ประจำเดือน และประจำปี ให้มีรายได้บำนาญผ่านโครงการบำนาญประชาชน ปลูกต้นไม้เป็นเงินออม เพื่อเป็นทางเลือกให้กับประชาชน เกษตรกร ชาวไร่ ชาวนา และผู้ประกอบอาชีพอิสระ โดยต้นไม้ที่ปลูกเติบโตมีราคาในอนาคต ตลอดจนการปลูกต้นไม้ยังเป็นการอนุรักษ์ คุ้มครอง ฟื้นฟู ส่งเสริมพัฒนาทรัพยากรธรรมชาติและความหลากหลายทางชีวภาพอย่างยั่งยืน เป็นการลดก๊าซเรือนกระจกและลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และภัยพิบัติทางธรรมชาติ
จังหวัดนครราชสีมามีพื้นที่ทั้งหมด 12,808,728 ไร่ เป็นพื้นที่เกษตรกรรม 8,907,219 ไร่ 
คิดเป็นร้อยละ 69.55% ของพื้นที่ทั้งหมด มีพื้นที่เกษตรกรรมในเขตชลประทาน 697,081 ไร่ 
และพื้นที่เกษตรกรรมนอกเขตชลประทาน 8,210,138 ไร่ สำหรับผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัด (GPP) 
ณ ราคาประจำปี พ.ศ. 2565 ของจังหวัดนครราชสีมามีมูลค่า 335,472 ล้านบาท และมีรายได้เฉลี่ยต่อหัว 134,338 บาท โดยมีมูลค่าภาคเกษตรกรรม 48,356 ล้านบาท สำหรับการใช้ประโยชน์และความเหมาะสมของดินเพื่อการเพาะปลูก (Agri-Map analytic) มีพื้นที่ทำการเกษตรที่เหมาะสม 7,289,337 ไร่ พื้นที่ทำการเกษตรที่ไม่เหมาะสม 451,643 ไร่ มีพืชเศรษฐกิจที่สำคัญ ได้แก่ 1) ข้าวนาปี อาทิ ข้าวหอมมะลิ ข้าวทั่วไป 2) มันสำปะหลังโรงงาน 3) ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ 4) อ้อยโรงงาน ทั้งยังมีสินค้า GI (สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์) ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนมากที่สุดในประเทศจำนวนทั้งสิ้น 11 ชนิด อาทิ ไวน์เขาใหญ่ มะขามเทศเพชรโนนไทย ข้าวหอมมะลิทุ่งสัมฤทธิ์ มันสำปะหลังซึ่งเป็นสินค้าหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของจังหวัด

พื้นที่ในจังหวัดนครราชสีมา ยังคงประสบปัญหาด้านระบบชลประทานและการจัดการทรัพยากรน้ำเพื่อการเกษตร โดยมีปริมาณน้ำไม่เพียงพอต่อความต้องการตลอดทั้งปี อันเนื่องมาจากข้อจำกัดด้านแหล่งเก็บกักน้ำ รวมถึงข้อจำกัดด้านการใช้ประโยชน์ที่ดินและความเหมาะสมของพื้นที่เพาะปลูกตามข้อมูลจากระบบ Agri-Map Analytic นอกจากนี้ ยังมีปัญหาเกี่ยวกับสิทธิในที่ดินทำกิน โดยเฉพาะในกรณีของเกษตรกรที่ไม่มีกรรมสิทธิ์ในที่ดิน ส่งผลให้ไม่สามารถพัฒนาและใช้ประโยชน์จากที่ดินได้อย่างเต็มที่ อีกทั้ง เกษตรกรยังต้องเผชิญกับต้นทุนการผลิตที่อยู่ในระดับสูง ไม่ว่าจะเป็นราคาปุ๋ยหรืออาหารสัตว์ ทำให้บางส่วนจำเป็นต้องปรับลดหรือเปลี่ยนแปลงการใช้ปัจจัยการผลิต ซึ่งส่งผลกระทบต่อทั้งปริมาณและคุณภาพของผลผลิตทางการเกษตรโดยรวม  อย่างไรก็ตาม จังหวัดนครราชสีมาได้มีโครงการสำคัญ อาทิ โครงการ “พืชที่ชอบ ดินที่ใช่” เพื่อส่งเสริมการทำเกษตรให้เหมาะสมกับพื้นที่ (Agri-Map), โครงการ “KORAT FIRST” เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ สร้างชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน และรายได้แก่เกษตรกรในจังหวัดอย่างยั่งยืน
คณะกรรมาธิการได้มีข้อเสนอแนะให้ปฏิบัติตามมาตรการการพัฒนาเกษตรกรรมภายใต้แนวคิด “ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้” มุ่งเน้นการส่งเสริมองค์ความรู้และวินัยทางการเงินแก่เกษตรกร  เพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการประกอบอาชีพให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดและความเหมาะสมของชนิดพืชในแต่ละพื้นที่ ส่งเสริมการรวมกลุ่มกันของเกษตรกร ทั้งนี้ การส่งเสริมดังกล่าวควรดำเนินผ่านกลไกของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อสนับสนุนการเพิ่มรายได้ของเกษตรกรอย่างเป็นระบบ

นอกจากนี้ ยังได้เสนอให้มีการขับเคลื่อนนโยบายด้านการบริหารจัดการพื้นที่เกษตรกรรมอย่างบูรณาการ โดยกระบวนการดังกล่าวจำเป็นต้องใช้ระยะเวลาในการสร้างความเข้าใจร่วมกันระหว่างหน่วยงานในระดับนโยบายและระดับปฏิบัติ ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การเสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจ และกระบวนการขับเคลื่อนที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญในการเพิ่มขีดความสามารถในการบริหารจัดการพื้นที่เกษตรกรรมของประเทศอย่างยั่งยืน 

อบจ.พิษณุโลก จัดฝึกอบรมส่งเสริมอาชีพสำหรับประชาชน หลักสูตร “การตลาดออนไลน์” ให้ประชาชนใน อ.นครไทย

วันที่ 30 กรกฎาคม 2568 นายมนต์ชัย วิวัฒน์ธนาฒย์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดพิษณุโลก มอบหมายให้ นายเอกพงษ์ กุลเจริญ รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดพิษณุโลก เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการอบรมส่งเสริมอาชีพสำหรับประชาชน อำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลก รุ่นที่ 5 ณ ศูนย์ประสานแผนพัฒนาท้องถิ่นประจำอำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลก โดยมี นางเยาวรัตน์ มะณี ผู้อำนวยการกองสวัสดิการสังคม องค์การบริหารส่วนจังหวัดพิษณุโลก กล่าวรายงาน
 ภายในพิธีเปิดได้รับเกียรติจาก นายบุณยภู ชูวัฒนา ปลัดอำเภอหัวหน้ากลุ่มงานบริหารงานปกครองอำเภอนครไทย พร้อมด้วย นายอาวุธ ยวนแห่ว นายอิศรา ปานเกิด สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดพิษณุโลก เขตอำเภอนครไทย และนายอโณทัย บัวขัน ผู้อำนวยการสถานศึกษา โรงเรียนศรีอินทราทิตย์พิทยาคม ร่วมเปิดโครงการฯ 
โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการเสริมสร้างความรู้ที่เกี่ยวข้องกับการประกอบอาชีพให้แก่ประชาชน รวมทั้งสร้างโอกาสทางเลือกในการประกอบอาชีพให้แก่ผู้ว่างงาน หรือประชาชนทั่วไปที่สนใจจะประกอบอาชีพ เป็นอาชีพหลัก หรืออาชีพเสริม ซึ่งจะช่วยให้สามารถพัฒนางานสร้างอาชีพ ทำให้มีรายได้ยิ่งขึ้น มีความมั่นคงทางรายได้และสามารถพึ่งตนเองได้อย่างยั่งยืน โดยได้ดำเนินโครงการฯ ในห้วงเดือนกรกฎาคม 2568 นี้ จำนวน 5 รุ่น ๆ ละ 200 คนซึ่งที่ผ่านมาได้จัดไปแล้ว 4 รุ่น ตามความสนใจในหลักสูตรการทำไข่เค็มบ่อเกลือพันปี, การทำน้ำพริกน้ำผักสะทอนและการจัดแจกันดอกไม้ประดิษฐ์ ซึ่งได้รับความสนใจ เป็นอย่างมาก
สำหรับในวันนี้เป็นการอบรม รุ่นที่ 5 เพื่อต่อยอดความรู้จากรุ่นที่ผ่านมา โดยเปิดโอกาสให้ผู้ที่เคยเข้าร่วมอบรมและผู้ที่สนใจทั่วไป จำนวน 200 คน เข้ารับการฝึกอบรมในหลักสูตร “การตลาดออนไลน์” เพื่อเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจในการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการทำการตลาด สามารถประชาสัมพันธ์สินค้าและบริการของตนให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยได้รับเกียรติจากวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ และมีความเชี่ยวชาญมาถ่ายทอดองค์ความรู้จากสำนักงานพัฒนาชุมชนอำเภอนครไทย มาให้ความรู้เกี่ยวกับ “แนวโน้มการค้าขายออนไลน์ในยุคปัจจุบัน” และ คุณอัญธิญาน์ กิตติธนัยรินทร์ พร้อมทีมงานมาให้ความรู้และฝึกปฏิบัติ ”ด้านการตลาดออนไลน์”

สิงห์บุรี / พิธีทอดกฐินสามัคคี ณ วัดหน้าพระธาตุ รวมใจทำบุญกฐินสามัคคี สืบสานพุทธศาสนาอย่างยิ่งใหญ่

วันที่ 23 ตุลาคม 2568 เวลา 08.00 น. ณ วัดหน้าพระธาตุ หมู่ที่ 1 ตำบลจักรสีห์ อำเภอเมือง จังหวัดสิงห์บุรี ได้จัดพิธี ทอดกฐินสามัคค...