ขณะที่พลังน้ำใจจากภาครัฐ-เอกชนท่วมท้น มอบเงินและสิ่งของจำเป็นส่งต่อสู่แนวหน้าชายแดนไทย–กัมพูชา
วันนี้ 31 กรกฎาคม 2568 พลโทกิตติพงษ์ แจ่มสุวรรณ แม่ทัพภาคที่ 3 รับมอบเงินและสิ่งของจำเป็นจาก 27 หน่วย/องค์กร ไปส่งต่อช่วยเหลือทหารแนวหน้าชายแดนไทย–กัมพูชาและศูนย์อพยพในภาคอีสานที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์สู้รบ โดยมี นายทวี เสริมภักดีกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลกเป็นผู้แทนรับส่งของ ที่สโมสรบันเทิงทัพ ค่ายสมเด็จพระนเรศวรมหาราช อ.เมือง จ.พิษณุโลก
แม่ทัพภาคที่ 3 กล่าวว่า จะแจกจ่ายสิ่งของและเงินช่วยเหลือถึงมือทหารแนวหน้า อาสาและผู้ประสบภัย จริงๆ กองทัพภาคที่ 3 ไม่อยากรบกวน แต่บังเอิญว่า พี่น้องประชาชนชาวพิษณุโลกและจังหวัดใกล้เคียงยื่นความประสงค์อยากส่งของใช้จำเป็นไปให้แนวหน้า กองทัพภาคที่ 3 จึงอาสา รวบรวมสิ่งของไปสู่แนวหน้า อาทิ น้ำพริก กล้วยตาก ข้าวสาร ไข่ ฯลฯ เพื่อให้ทหารรู้ว่า เขาไม่ได้โดดเดี่ยว คนแนวหลังยังคิดถึงและเอาใจช่วยอยู่เสมอ
พลโทกิตติพงษ์ แจ่มสุวรรณ เปิดเผยอีกว่า กองทัพภาคที่ 3 ไม่ใช่หน่วยออกปฏิบัติในภารกิจขั้นแรกในระยะแรก ต้องพร้อมทำหน้าที่เป็นกองหนุน หากแนวหน้าอ่อนล้าหรือบาดเจ็บหรือจำเป็นต้องพัก จะต้องมีหน่วยเตรียมในที่ตั้ง พร้อมปฏิบัติภารกิจตามคำสั่งของกองทัพบกได้ทันที
กรณีวางทุ่นระเบิดบริเวณประสาทตาควายนั้นเป็นการละเมิดข้อตกลงระหว่างประเทศ อนุสัญญาออตตาวา ทั้งสองประเทศได้ลงนาม ห้ามใช้”กับระเบิด” รู้อยู่แล้วว่า ผลตามมาจะคืออะไร ทั้งๆที่ประเทศเขาได้รับผลกระทบจากระเบิด พิการไปจำนวนมาก แต่เขายังเอากลับมาทำอีก ลองไปคิดดูว่า ประเทศเขาคิดอย่างไร
“ก็คุยและให้กำลังใจแม่ทัพภาคที่ 2 ถ้ามีปัญหาภาคเหนือเขาก็ส่งทหารมาช่วยเรา แต่เหตุการณ์ปะทะเกิดขึ้นที่ภาคอีสาน เราก็พร้อมช่วยเหลือเช่นกัน ไม่ต้องห่วง ทหารไทยเรามีเลือดเนื้อเชื้อไข สปีชี่ส์เดียวกัน” แม่ทัพภาคที่3 เผย
No comments:
Post a Comment