และเตรียมเชิญ “นายกรัฐมนตรี”แถลงข้อเท็จจริง เรื่องความมั่นคงพื้นที่ชายแดน กัมพูชา และ”จังหวัดชายแดนภาคใต้
จากการเปิดเผยของ พลเอกสวัสดิ์ ทัศนา ประธานกรรมาธิการคณะทหารและความมั่นคงของรัฐ วุฒิสภา ว่า จากสถานการณ์ด้านความมั่นคง ที่เกิดขึ้นกับประเทศไทย ด้านชายแดนไทย-กัมพูชา ที่สถานการณ์ยังไม่มีแนวโน้มที่ดีขึ้น ยังมีการยั่วยุจากฝ่ายกำพูชา และมีการปิดพรมแดนที่ส่งผลกระทบทั้งด้านความมานคง เศรษฐกิจ สังคม และความเป็นอยู่ของ ประชาชน แนวชายแดน รวมทั้งปัญหาการก่อความไม่สงบใน จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ยังมีการก่อเหตุความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น กรรมาธิการทหารและความมั่นคงของรัฐ จึงมีมติให้เชิญ นายกรัฐมนตรี มาแถลงถึงข้อเท็จจริงของสถานการณ์ และขอทราบนโยบายในการแก้ปัญหา ตามรายละเอียดดังนี้
1. การเรียกนายกรัฐมนตรีมาแถลงข้อเท็จจริงและหรือแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์ที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของชาติกรณีปัญหาพื้นที่ชายแดนประเทศไทย
ด้วยคณะกรรมาธิการการทหารและความมั่นคงของรัฐ วุฒิสภา ได้รับทราบข้อมูลและข้อเท็จจริงต่าง ๆ ตามที่ปรากฏเผยแพร่ต่อสาธารณะต่อกรณีข้อพิพาทบริเวณแนวชายแดนไทยที่อาจจะส่งผลกระทบ
ต่อการปกป้องอธิปไตย บูรณภาพแห่งดินแดน และผลประโยชน์ของประเทศไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
โดยพิจารณาเห็นว่าข้อพิพาทบริเวณแนวชายแดนไทย เป็นเรื่องที่ส่งผลกระทบอย่างสูงยิ่ง
ต่อการปกป้องอธิปไตย บูรณภาพแห่งดินแดน และผลประโยชน์ของประเทศไทยตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ และกฎหมายบัญญัติไว้ และยังส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่
และสภาพจิตใจของพี่น้องประชาชนคนไทยผู้รักชาติ อีกทั้งฝ่ายกัมพูชาได้ดำเนินการทุกวิถีทางอันไร้ความจริงใจและความพยายามเพื่อให้ได้เปรียบประเทศไทยอย่างถึงที่สุด และตามที่ได้เคยมีการแถลงการณ์เกี่ยวกับ
การปกป้องอธิปไตย บูรณภาพแห่งดินแดน และผลประโยชน์ของชาติในทุกมิติ รวมทั้งจะติดตามตรวจสอบความคืบหน้าของสถานการณ์ชายแดนไทยอย่างใกล้ชิดและเต็มความสามารถภายใต้กรอบบทบาทหน้าที่และอำนาจของวุฒิสภาและคณะกรรมาธิการตามที่รัฐธรรมนูญและกฎหมายบัญญัติไว้ (พระราชบัญญัติอำนาจเรียกของคณะกรรมาธิการของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา พ.ศ. 2568)
คณะกรรมาธิการจึงเห็นว่ามีความจำเป็นและเหตุในการเรียกนายกรัฐมนตรีมาแถลงข้อเท็จจริง
หรือแสดงความเห็นต่อคณะกรรมาธิการด้วยตนเองพร้อมเอกสารประกอบการพิจารณา เพื่อชี้แจงแถลงข้อเท็จจริงหรือแสดงความคิดเห็นประกอบการพิจารณากรณีปัญหาทางทหารและความมั่นคงพื้นที่ชายแดน ในวันที่ 24 กรกฎาคม ในการประชุมกรรมาธิการทหารและความมั่นคงของรัฐ
ของประเทศไทยในประเด็นข้อซักถาม ดังนี้
1) ประเด็นจุดยืนและแนวปฏิบัติข้อพิพาทบริเวณพื้นที่ชายแดนประเทศไทย – ประเทศกัมพูชา
(กรณีเร่งด่วน) จำนวน 12 ข้อ อาทิ จุดยืนต่อ MOU พ.ศ. 2543 และ MOU พ.ศ. 2544 หรือการละเมิด MOU อย่างต่อเนื่องจากฝ่ายกัมพูชา ซึ่ง กองทัพภาคที่ 2 มีหนังสือร้องเรียนไปยังกระทรวงการต่างประเทศหลายร้อยฉบับ หรือการแก้ไขปัญหาและยุติการรุกล้ำขยายชุมชนของชาวกัมพูชาในพื้นที่ชายแดนไทยอย่างเด็ดขาด
เป็นต้น
2) ประเด็นสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ จำนวน 5 ข้อ อาทิ การแก้ไขหรือปรับปรุงกฎหมายเพื่อส่งเสริมให้การปฏิบัติการในพื้นที่ให้มีประสิทธิภาพ มีความยุติธรรม และคุ้มครองการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ หรือการปกป้องและดูแลประชาชนชาวไทยทุกกลุ่มในพื้นที่ โดยเฉพาะชาวไทยพุทธที่ยังอยู่ในพื้นที่ เป็นต้น
-2-
3) ประเด็นความปลอดภัยไซเบอร์และการต่อต้านการฟอกเงิน จำนวน 2 ข้อ อาทิ การขจัดธุรกรรม
ผิดกฎหมายหรือที่ต้องสงสัยเพื่อป้องกันหรือปราบปรามและช่วยเหลือคนไทยให้ปลอดภัยจากฉ้อโกงออนไลน์และการฟอกเงินที่เชื่อมโยงกับกลุ่มทุนต่างชาติด้วยระบบ AI และ Machine Learning อย่างเต็มรูปแบบ
2. การจัดโครงการเสวนาทางวิชาการ เรื่อง “ความมั่นคงกับอนาคตประเทศไทย”
คณะกรรมาธิการการทหารและความมั่นคงของรัฐ วุฒิสภา กำหนดในวันพุธที่ 16 กรกฎาคม 2568 เวลา 13.00 – 16.30 นาฬิกา ณ ห้องประชุม หมายเลข 406-407 ชั้น 4 อาคารรัฐสภา (ฝั่งวุฒิสภา)
เพื่อให้วุฒิสภาเป็นเวทีในการรับฟัง รับรู้ ถกแถลงแนวคิดและแลกเปลี่ยนมุมมองในหลายมิติของข้อคิดเห็น
อันจะนำไปสู่การแก้ไขปัญหาด้านความมั่นคงที่เกิดขึ้น และมีส่วนร่วมกำหนดอนาคตของประเทศไทยที่มั่นคง เพื่อให้พร้อมรับมือกับความท้าทายต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสถานการณ์ชายแดนไทย – กัมพูชา ที่มีความขัดแย้งด้านพรมแดนบริเวณรอบปราสาทและพื้นที่อ้างสิทธิ์ตลอดแนวชายแดน ซึ่งมีการใช้สงครามข่าวสาร (Information Warfare) และสงครามจิตวิทยา (Psychological Warfare) ที่ส่งผลให้เกิดความสับสนกับ
หน่วยปฏิบัติในการรักษาผลประโยชน์ของชาติ และสร้างความสับสนของสังคมส่วนใหญ่ด้วย
โดยวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิและผู้ร่วมเวทีเสวนาทางวิชาการครั้งนี้ต่างมุ่งหวังให้เกิดข้อเสนอเชิงนโยบาย
ที่สามารถนำไปสู่การปฏิบัติเพื่อสร้างความมั่นคงของชาติ
1) รองศาสตราจารย์ ดร.ปณิธาน วัฒนายากร นักวิชาการอิสระด้านความมั่นคงและการต่างประเทศ ผู้เชี่ยวชาญด้านการเมืองเปรียบเทียบ ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ความมั่นคงศึกษา และการป้องกันประเทศเปรียบเทียบ อดีตอาจารย์ในภาควิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงของรัฐบาลหลายสมัย
2) รองศาสตราจารย์ ดร.ธนพร ศรียากูล นักวิชาการด้านการเมือง ผู้อำนวยการสถาบันวิเคราะห์นโยบายและการเมือง ผู้ให้ความเห็นและวิเคราะห์สถานการณ์ทางการเมืองในประเทศไทย
3) ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.วันวิชิต บุญโปร่ง อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ และรองคณบดี
ฝ่ายบริหาร คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ผู้ให้ความเห็นและวิเคราะห์ประเด็นทางการเมือง ที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นอินฟลูเอนเซอร์ด้านการเมืองท่านหนึ่ง
๔) นายก่อเขต จันทเลิศลักษณ์ ผู้อำนวยการสำนักข่าว สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส ทำหน้าที่วิทยากร
ผู้ดำเนินรายการ
ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการคาดหวังว่าโครงการเสวนาทางวิชาการ “ความมั่นคงกับอนาคตประเทศไทย”
จะทำให้ได้รับข้อมูลและข้อเสนอแนะที่นำมาขับเคลื่อนงานความมั่นคงในเชิงนโยบายสู่การสร้างความมั่นคง
ของชาติ และสร้างความเข้าใจอันดีต่อประชาชนในบทบาทของรัฐหรือฝ่ายบริหาร และวุฒิสภาในฐานะ
ฝ่ายนิติบัญญัติเพื่อการพิทักษ์อธิปไตย ผลประโยชน์ และความมั่นคงของชาติในปัจจุบันและในอนาคต
อย่างแท้จริง ซึ่งในการจัด เสวนา ทางวิชาการในครั้งนี้ จะมี ผู้สนใจ และ สื่อมวลชน เข้าร่วมรับฟัง ด้วย พลเอกสวัสดิ์ ทัศนา กล่าวท้ายสุด
No comments:
Post a Comment