คณะกรรมาธิการการพลังงาน วุฒิสภา เดินทางศึกษาดูงาน ณ โครงการบ้านผีเสื้อ จังหวัดเชียงใหม่

 เกี่ยวกับเทคโนโลยีการพัฒนาพลังงานไฮโดรเจน (Hydrogen) ร่วมกับกงสุลกิตติมศักดิ์เยอรมันประจำจังหวัดเชียงใหม่

     วันพุธที่ 22 ตุลาคม 2568 คณะกรรมาธิการการพลังงาน วุฒิสภา นำโดย นายพรเพิ่ม ทองศรี  ประธานคณะกรรมาธิการ พร้อมด้วยกรรมาธิการ และคณะ ได้เดินทางไปศึกษาดูงาน ณ โครงการบ้านผีเสื้อ โดยมีนายเซบาสเตียน ยุสตุส ชมิดท์ กงสุลกิตติมศักดิ์แห่งสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนีประจำเชียงใหม่ และผู้แทนบริษัท Enapter จำกัด ให้การต้อนรับ ทั้งนี้ มีผู้แทนบริษัท บางกอกอินดัสเทรียลแก๊ส จำกัด (BANGKOK INDUSTRIAL GAS COMPANY LIMITED :BIG) ผู้แทนองค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของเยอรมัน(Deutsche Gesellschaft für Internationale Zusammenarbeit : GIZ) และผู้แทนสถาบันวิจัยและพัฒนาพลังงานนครพิงค์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้เข้าร่วมรับฟังการบรรยายและแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับการพัฒนาพลังงานไฮโดรเจน (Hydrogen) 

     ในการนี้ คณะกรรมาธิการรับฟังบรรยายสรุปและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในประเด็นสำคัญ ดังนี้

     1) ปัจจุบันบริษัท Enapter AG (ประเทศเยอรมนี) ร่วมมือกับ บริษัท Wolong Electric Group Co., Ltd. (ประเทศจีน) เพื่อดำเนินการในลักษณะบริษัทร่วมทุน (Joint Venture) โดยมีวัตถุประสงค์หลักคือ การผลิตและการจำหน่ายอิเล็กโทรไลเซอร์ประเภท AEM (Anion Exchange Membrane) เมื่อเดือนตุลาคม 2567 ได้มีการจัดแสดงเครื่องอิเล็กโทรไลเซอร์ กำลังผลิตขนาด 1 เมกะวัตต์ ที่เมืองชางยู (Shangyu) ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นของการผลิตเชิงชุด (series production) สำหรับตลาดประเทศจีน 

      2) รูปแบบธุรกิจของบริษัทร่วมทุนมีลักษณะดำเนินการคือ บริษัท Enapter ทำหน้าที่เป็นผู้พัฒนาเทคโนโลยี (technology provider) และผู้จัดหา stack จากประเทศอิตาลี รวมถึงการสนับสนุนด้านวิศวกรรมและทางเทคนิคแก่บริษัทร่วมทุนในประเทศจีน ส่วนบริษัท Wolong จะดำเนินการด้านการผลิต การประกอบ การตลาด การขาย การบริการ และการสร้างเครือข่ายในประเทศจีนเพื่อขยายธุรกิจ รวมถึงการนำเทคโนโลยี AEM เข้าสู่การใช้งานในประเทศจีน

      3) บริษัท Enepter ได้มีโครงการ H2Uppp เพื่อการส่งเสริมการพัฒนาโครงการไฮโดรเจนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งประเทศที่เข้าร่วมโครงการดังกล่าว ได้แก่ สิงคโปร์ อินโดนีเซีย ไทย มาเลเซีย และเวียดนาม โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ความร่วมมือและแก้ไขปัญหาที่สำคัญ เช่น (1) การยอมรับเทคโนโลยีไฮโดรเจนในตลาดโลก (2) การสร้างความร่วมมือทางธุรกิจระหว่างสหภาพยุโรปกับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และ (3) การพัฒนาและการใช้ประโยชน์ของระบบดิจิทัลเพื่อการเพิ่มประสิทธิภาพ

    ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการได้มีข้อเสนอแนะที่สำคัญดังต่อไปนี้

    1) การส่งเสริมและพัฒนาพลังงานไฮโดรเจน (Hydrogen) ในประเทศไทย เป็นแนวทางพัฒนาพลังงานรูปแบบใหม่ที่มีความน่าสนใจ โดยในระยะแรก กระทรวงพลังงานควรพิจารณากำหนดนโยบายและทิศทางการส่งเสริมพลังงานไฮโดรเจน (Hydrogen) ให้ครอบคลุมประเด็นสำคัญ ดังนี้ (1) บทบาทของพลังงานไฮโดรเจนต่อการบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) (2) การวางแผนและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของระบบไฮโดรเจน (3) การพัฒนาและจัดตั้งระบบกักเก็บพลังงานไฮโดรเจน (Hydrogen Storage) (4) การสนับสนุนเชิงนโยบายเพื่อส่งเสริมการพัฒนาเทคโนโลยีไฮโดรเจน (5) การขนส่งไฮโดรเจนระหว่างประเทศและการเชื่อมโยงผ่านระบบท่อส่งหรือสายเคเบิลพลังงาน และ (6) การสร้างความเข้าใจและการยอมรับจากสาธารณชนซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนการใช้พลังงานไฮโดรเจนอย่างยั่งยืนและเป็นรูปธรรม

     2) แหล่งเงินทุนระหว่างประเทศสำหรับการพัฒนาพลังงานไฮโดรเจน ต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างรัฐบาลและองค์กรพหุภาคีเพื่อสนับสนุนการจัดหาเงินทุนสำหรับโครงการดังกล่าว เช่น กองทุนความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน European Investment Bank (EIB) ได้มีการจัดตั้ง “Green Hydrogen Fund” ขึ้นเพื่อสนับสนุนโครงสร้างพื้นฐานด้านไฮโดรเจนในประเทศกำลังพัฒนา รวมถึงการให้คำปรึกษาและเสริมสร้างศักยภาพ (Capacity Building) เพื่อเตรียมการให้ภาคอุตสาหกรรมสามารถดำเนินงานด้านไฮโดรเจนได้อย่างยั่งยืน เป็นต้น

    3) ความท้าทายด้านการถ่ายโอนเทคโนโลยี แม้ว่าจะการส่ง stack จากอิตาลีไปยังประเทศจีน ควรพิจารณาเรื่องการควบคุมคุณภาพ ขั้นตอนการผลิต และมาตรฐานการตรวจสอบ ซึ่งอาจส่งผลต่อประสิทธิภาพและความน่าเชื่อถือของผลิตภัณฑ์ ประกอบกับการแข่งขันทางเทคโนโลยีไฮโดรเจนและอิเล็กโทรไลเซอร์ในประเทศจีนมีจำนวนหลายรายอาจส่งผลต่อความสามารถในการแข่งขันในอนาคตได้

    ทั้งนี้ั ข้อมูลที่คณะกรรมาธิการได้รับจากการศึกษาดูงานครั้งนี้ จะนำไปเป็นแนวทางประกอบการพิจารณาศึกษาและจัดทำข้อเสนอแนะเชิงนโยบายเพื่อนำเสนอต่อวุฒิสภา หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และรัฐบาลต่อไป