พิษณุโลก / ตร.ภาค 6 แถลงข่าวจับกุม "โจร" ลักเครื่องส่งสัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่ "ทรู"

เป็นเหตุให้ประชาชนในพื้นที่ไม่สามารถใช้อินเตอร์เน็ตได้ ความเสียหายหลายล้านบาท ตามล่าตะคุบตัวถึง ปทุมธานี

14 พฤษภาคม 2568 เวลา 09.00 น.ที่ ตำรวจภูธรจังหวัดพิษณุโลก หมู่ 5 ตำบลหัวรอ อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก พล.ต.ท.กิติศักดิ์ ดุรงควิบูลย์ ผบช.ภ.6 มอบหมายให้ พล.ต.ต.ธรรมศักดิ์ ปิ่นทอง รอง ผบช.ภ.6 พร้อมด้วย พล.ต.ต.นิคม เครือนพรัตน์ ผบก.ภ.จว.พิษณุโลก พ.ต.อ.ภาคภูมิ ปราบศรีภูมิ รอง ผบก.ภ.จว.พิษณุโลก และ พ.ต.อ.วัชรพงษ์ สิทธิรุ่งโรจน์ ผกก.สภ.เมืองพิษณุโลก ร่วมกันแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน กรณีจับกุมคนร้ายก่อเหตุโจรกรรมอุปกรณ์เครื่องส่งสัญญาณที่ควบคุมเสาให้สัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่ของบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น ในพื้นที่จังหวัดพิษณุโลกและจังหวัดใกล้เคียง

สืบเนื่องจากในช่วงเดือนเมษายน - พฤษภาคม 2568 ได้มีคนร้ายก่อเหตุโจรกรรมอุปกรณ์เครื่องส่งสังสัญญาณที่ควบคุมเสาให้สัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่ของบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น ในพื้นที่จังหวัดพิษณุโลกและจังหวัดใกล้เคียงเป็นจำนวนมาก เกิดความเสียหายมูลค่าหลายล้านบาท และทำให้ประชาชนในพื้นที่ไม่สามารถใช้งานโทรศัพท์และอินเตอร์เน็ตของบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่นได้

เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.พรหมพิราม, สถ.เมืองพิษณุโลก และ กก.สส.ภ.จว.พิษณุโลก ได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนภาค 1 สว.ทล.2 บก.8 บก.ทล. และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี ร่วมกันจับกุมคนร้ายผู้ก่อเหตุ คือ 1. นายวุ้น อายุ 26 ปี สัญชาติลาว

2. MR.SONCHAY อายุ 25 ปี สัญชาติลาว 

3.นายธนพงษ์ อายุ 32 ปี ชาว ต.บ้านเพชร อ.บำเหน็จณรงค์ จ.ชัยภูมิ โดยกล่าวหาว่ากระทำผิดฐาน "ร่วมกันลักทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะ หรือรับของโจร" พร้อมด้วยของกลางเครื่องส่งสัญญาณ (Baseband) จำนวน 36 เครื่อง ลวดทองแดงน้ำหนักประมาณ 100 กิโลกรัม และ รถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้า รีโว สีขาว หมายเลขทะเบียน 3 ฒภ 9505 กทม. จำนวน 1 คัน นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.พรหมพิราม เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย

พฤติการณ์ คือ เมื่อวันที่ 30 เม.ย.68 - 5 พ.ค.68 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองพิษณุโลกและ สภ.พรหมพิราม ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น ว่ามีคนร้ายไม่ทราบว่าเป็นผู้ใด ได้ลักทรัพย์เป็นอุปกรณ์เครื่องส่งสัญญาณ( baseseband ) ที่ติดตั้งอยู่บริเวณสถานีของบริษัท ทรู ในพื้นที่ อ.เมืองพิษณุโลก และ อ.พรหมพิราม

จากนั้นได้มีการร่วมประชุมวางแผนกับเจ้าหน้าที่ของบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น และได้ทำการสืบสวน ตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณสถานที่เกิดเหตุ ตลอดจนเส้นทางบริเวณใกล้เคียง พบว่า ช่วงเวลาที่เกิดเหตุ มีรถยนต์ต้องสงสัยเป็นรถกระบะแคป ยี่ห้อโตโยต้า สีขาว หมายเลยทะเบียน 3ฒพ-9505 กทม. ขับขี่เข้ามายังบริเวณที่เกิดเหตุในช่วงเวลาเดียวกับที่สัญญาณขัดข้อง จึงได้สืบสวนติดตามเรื่อยมา

จนกระทั่งวันที่ 11พ.ค.68 ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ผู้ดูแลสถานีส่งสัญญาณว่ามีคนร้ายก่อเหตุลักทรัพย์ เป็นอุปกรณ์เครื่องส่งสัญญาณ( baseband ) ที่สถานีส่งสัญญาณในพื้นที่ อ.พรหมพิราม และพื้นที่ จ.สุโขทัย และได้พบรถยนต์ต้องสงสัยเป็นรถยนต์คันดังกล่าวจอดอยู่บริเวณใกล้เคียงที่เกิดเหตุ จึงน่าเชื่อได้ว่าเป็นคันเดียวกันกับที่ก่อเหตุมา

เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ออกติดตาม รถยนต์ต้องสงสัย ตามเส้นทางมุ่งหน้าไป กทม.และได้ประสาน ส.ทล.2.บก.ทล. สืบสวน ภาค 1 จนมาถึงหมู่บ้านหมอนทองซอย 15 คลอง 8 ต.ลำลูกกา อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี จึงได้ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ลำลูกกา เข้าร่วมทำการตรวจสอบ

จากการตรวจสอบ พบผู้ต้องสงสัย 3 คน ยืนอยู่หน้าบ้านพร้อมด้วยของกลางเครื่องส่งส่งสัญญาณ baseband จำนวนมาก และได้ประสานเจ้าหน้าที่ทรูมาตรวจสอบเครื่องส่งสัญญาณดังกล่าว พบว่าเลขประจำเครื่องตรงกับเครื่องที่ถูกโจรกรรมในพื้นที่ อ.พรหมพิราม และพื้นที่ จ.สุโขทัย เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ดำเนินการจับกุมผู้ต้องสงสัยทั้ง 3 ราย ส่งพนักงานสอบสวน สภ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก เพื่อดำเนินการตามกฎหมายและจะได้ทำการสืบสวนขยายขยายผลต่อไป

จากการสอบสวนผู้ต้องหาคนที่ 1 และ 2 ให้การรับสารภาพว่า วันที่ 11 พ.ค.68 ได้ตระเวนลักเครื่องส่งสัญญาณในพื้นที่ อ.พรหมพิราม และในพื้นที่ จ.สุโขทัย จากนั้นได้หลบหนีพร้อมด้วยของกลาง มายังบ้านของผู้ต้องหาคนที่ 3  เพื่อนำพรัพย์สินที่ลักมาขายให้ เนื่องจากเมื่อวันที่ 5 พ.ค.68 ที่ผ่านมา เคยนำเครื่องส่งสัญญาณดังกล่าวมาขายให้ก่อนหน้านี้แล้ว

ทั้งนี้เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์ให้ประชนทราบ และช่วยกันเป็นหูเป็นตาระวังป้องกันภัย หากพบเห็นการกระทำความผิด ในพื้นที่ใกล้บ้านของท่าน สามารถแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อทำการตรวจสอบ ตำรวจภูธรรภาค 6 จะดำเนินการสืบสวนติดตามจับกุมผู้ต้องหาที่กระทำความผิด โดยใช้มาตราการลงโทษทางกฏหมายในฐานควานผิดขั้นสูงสุด เพื่อเป็นแบบอย่างมิให้กระทำความผิด และจะดำเนินการจับกุมการกระทำความผิดลักษณะดังกล่าวอย่างจริงจังและต่อเนื่อง เพื่อประโยชน์สุขของประชาชนสืบไป

//เอกสิทธิ์ ทรงทอง  รายงาน//